(VOVWORLD) -เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้ลงคะแนนอนุมัติมติเกี่ยวกับการจัดตั้งกองกำลังรักษาเสถียรภาพระหว่างประเทศประจำฉนวนกาซา หรือ ISFซึ่งถือเป็นก้าวเดินครั้งประวัติศาสตร์เพื่อฟื้นฟูความเป็นระเบียบเรียบร้อย ปกป้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ เปิดทางให้แก่กิจกรรมการช่วยเหลือและการฟื้นฟูครั้งใหญ่ในฉนวนกาซาภายหลังกว่า 2 ปีที่เกิดการปะทะ
มติเกี่ยวกับการจัดตั้งกองกำลังรักษาเสถียรภาพระหว่างประเทศประจำฉนวนกาซา หรือ ISFที่จัดทำโดยสหรัฐได้รับการสนับสนุนจาก 13 ประเทศสมาชิกจากทั้งหมด15 ประเทศสมาชิกของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ส่วนรัสเซียและจีน ซึ่งเป็นสองสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติงดออกเสียง
ก้าวเดินครั้งประวัติศาสตร์
มติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติอนุญาตให้จัดตั้งกองกำลัง ISF เพื่อประสานงานกับอียิปต์ อิสราเอลและกองกำลังตำรวจของปาเลสไตน์เพื่อปกป้องดินแดนและเขตปลอดทหารในฉนวนกาซา ISF ยังงมีหน้าที่ปลดอาวุธของกลุ่มติดอาวุธต่างๆ ปกป้องประชาชนและดูแลความปลอดภัยให้แก่กิจกรรมการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
นอกจากนี้ สำนักงานบริหารระยะเปลี่ยนผ่านที่มีชื่อว่า “คณะกรรมการสันติภาพ”จะได้รับการจัดตั้งโดยประธานาธิบดีสหรัฐจะทำหน้าที่ประธานชั่วคราวและมีวาระจนถึงปลายปี 2027 มติดังกล่าวยังกล่าวถึงความเป็นไปได้ในการจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์ โดยระบุว่า เมื่อทางการปาเลสไตน์ทำการปฏิรูปตามข้อเสนอและการฟื้นฟูฉนวนกาซาดำเนินไปอย่างราบรื่น เงื่อนไขนี้อาจได้รับการเสนอเพื่อเปิดทางให้แก่สิทธิในการตัดสินใจด้วยตนเองของประชาชนปาเลสไตน์และการจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์ นาย Mike Waltz เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติได้เผยว่า การที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ซึ่งเป็นองค์กรที่มีอำนาจสูงสุดของสหประชาชาติละทิ้งความแตกต่างเพื่ออนุมัติมตินี้เป็นเหตุการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ เปิดทางใหม่ให้แก่ภูมิภาคตะวันออกกลาง เป็นก้าวเดินที่สำคัญเพื่อมุ่งสู่ฉนวนกาซาที่มีเสถียรภาพ เจริญรุ่งเรือง เอื้อให้แก่การจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์ในอนาคตและเปิดทางให้อิสราเอลอยู่ในบรรยากาศที่สันติภาพและความมั่นคง
“มตินี้เปิดทางให้แก่การส่งเสริมสิทธิในการตัดสินใจด้วยตนเองของประชาชนปาเลสไตน์เมื่อทางการปาเลสไตน์มีการปฏิรูปที่จำเป็น นี่เป็นกระบวนการทางการทูตและสร้างโอกาสให้แก่อนาคตการเมือง”
ประชาคมโลกส่วนใหญ่แสดงท่าทีในเชิงบวกต่อมติของสหประชาชาติ ซึ่งถือเป็นความพยายามแปรข้อตกลงหยุดยิงที่เปราะบางในฉนวนกาซาให้กลายเป็นกระบวนการทางการเมืองเพื่อมุ่งสู่ความมีเสถียรภาพในระยะยาว สำนักนายกรัฐมนตรีอิสราเอลเชื่อมั่นว่า แผนการสันติภาพนี้จะช่วยส่งเสริมความร่วมมือและขยายการลงนามข้อตกลงอับราฮัมระหว่างอิสราเอลกับประเทศต่างๆ ในภูมิภาค ส่วนทางการปาเลสไตน์ถือว่า นี่เป็นก้าวเดินแรกบนเส้นทางมุ่งสู่สันติภาพ โดยก่อนอื่น มติของสหประชาชาติจะส่งผลในเชิงบวกต่อกิจกรรมการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซาในสภาวการณ์ที่ฉนวนกาซากำลังต้องเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนอาหารและอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมทั้งผลกระทบจากอุทกภัย นาย Ricardo Pires โฆษกของกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติได้เผยว่า
“ พวกเรามีความเชื่อมั่นว่า แผนการสันติภาพจะช่วยปรับปรุงสถานการณ์ สนับสนุนกิจกรรมการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เพิ่มจำนวนขบวนรถขนส่งสิ่งของช่วยเหลือไปยังฉนวนกาซา”
ความท้าทายในระหว่างการปฏิบัติ
แม้จะเป็นก้าวเดินทางประวัติศาสตร์แต่มติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับฉนวนกาซาจะต้องเผชิญกับความท้าทายไม่น้อยเมื่อเริ่มปฏิบัติ โดยนาย Varsen Aghabekian Shahin รัฐมนตรีต่างประเทศปาเลสไตน์เผยว่า 3 ประเด็นที่สำคัญต่อทางการปาเลสไตน์คือ การบริหารฉนวนกาซาต้องได้รับการปฏิบัติตามกฎหมายสากล กระบวนการเปลี่ยนผ่านในฉนวนกาซาไม่สามารถแยกออกจากแถลงการณ์นิวยอร์กเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์ที่อิสระเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาและสิทธิในการตัดสินใจด้วยตนเองของประชาชนปาเลสไตน์ ซึ่งจุดยืนดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากหลายประเทศ รวมทั้งบรรดาประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปหรืออียู โดยรัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี โยฮันน์ วาเดอฟูล ย้ำว่า ในเวลาที่ผ่านมา อียูได้เสนออยู่เสมอว่า ทางการปาเลสไตน์จะทำหน้าที่บริหารฉนวนกาซาและต้องมีกระบวนการที่เป็นรูปธรรมเพื่อจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์ในอนาคต
สำหรับบางประเทศ ปัญหาใหญ่อยู่ในสองกลไกที่สำคัญในการบริหารฉนวนกาซาที่ถูกระบุในมติคือกองกำลัง ISF และคณะกรรมการสันติภาพในฉนวนกาซา โดยนาย Vasily Nebenzya เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติเตือนว่า มติที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติอนุมัติอาจเกินขอบเขตหน้าที่การรักษาสันติภาพและแปรกองกำลังระหว่างประเทศกลายเป็นฝ่ายหนึ่งที่เข้าร่วมการปะทะ พร้อมทั้งเห็นว่า คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติไม่มีเวลาเพื่อแสวงหาการประนีประนอม ส่วนนาย ฟูกุง เอกอัครราชทูตจีนประจำสหประชาชาติได้ย้ำว่า เนื้อหาที่เกี่ยวข้องถึง ISF มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งแต่ถูกระบุอย่างไม่สมบูรณ์ในมตินี้
“มติดังกล่าวต้องระบุโครงสร้างองค์กร เป้าหมาย บทบาทและความรับผิดชอบหรือมาตรฐานเพื่อเตรียมความพร้อมให้แก่กองกำลัง ISF นี่ต้องเป็นพื้นฐานให้แก่การหารืออย่างจริงจังในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ แต่รายละเอียดในมตินี้ยังไม่สมบูรณ์”
สำหรับคณะกรรมการสันติภาพ ในบทปราศรัยเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน ประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานคณะกรรมการฯจนถึงปี 2027 เผยว่า จำนวนสมาชิกของคณะกรรมการสันติภาพจะเพิ่มขึ้น ซึ่งประกอบด้วยผู้นำประเทศใหญ่ๆ ก่อนหน้านั้น เมื่อประกาศแผนการสันติภาพในฉนวนกาซาเมื่อเดือนกันยายน นาย โดนัลด์ ทรัมป์ เคยเสนออดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ โทนี แบลร์ ให้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการฯ แต่ข้อเสนอดังกล่าวต้องเผชิญกับข้อถกเถียงต่างๆ
อีกหนึ่งปัญหาใหญ่ในการปฏิบัติมติกาซาคือท่าทีของกลุ่มฮามาส แม้มตินี้ได้รับการอนุมัติจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติแต่กลุ่มฮามาสได้ออกมาคัดค้าน โดยเห็นว่า เอกสารนี้ไม่ตอบสนองสิทธิและความต้องการของชาวปาเลสไตน์และเอนเอียงไปทางอิสราเอล ในขณะที่กลุ่มฮามาสยังไม่มีสัญญาณในการปลดอาวุธ ซึ่งเป็นหนึ่งในเนื้อหาที่สำคัญของมตินี้.