สงครามแบบตัวแทนระหว่างรัสเซียกับตุรกีในซีเรีย

(VOVWORLD) - ปัญหาการปะทะในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรียกำลังกลายเป็นปัญหาที่ร้อนระอุในประเทศนี้อีกครั้ง โดยเรื่องที่สร้างความวิตกกังวลมากที่สุดให้แก่ประชามติในวิกฤษที่ยืดเยื้อหลายปีในประเทศนี้คือ การเผชิญหน้าที่นับวันตึงเครียดมากขึ้นระหว่างรัสเซียกับตุรกี ซึ่งเป็นสองประเทศที่มีอิทธิพลมากที่สุดต่อสถานการณ์ในประเทศซีเรีย
สงครามแบบตัวแทนระหว่างรัสเซียกับตุรกีในซีเรีย - ảnh 1 ทหารตุรกีเข้าซีเรีย ( Photo NBCNews)

ในหลายวันมานี้ กองทัพตุรกีได้แจ้งว่าจะทำการโจมตีใส่กองทัพซีเรียในจังหวัด Idlib ที่อยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรีย และประกาศว่า จะโจมตีใส่เป้าหมายต่างๆของรัฐบาลซีเรียตามการประกาศของนาย รีเซป ตอยยิบ เออร์โดกัน ประธานาธิบดีตุรกีเมื่อวันที่ 26 ที่ผ่านมาว่า ตุรกีจะไม่ผ่อนปรนและจะขับไล่กองกำลังของรัฐบาลซีเรียให้ออกจากพื้นที่ต่างๆในจังหวัด Idlib ซึ่งนี่แสดงให้เห็นถึงสถานการณ์ความตึงเครียดที่นับวันรุนแรงมากขึ้นในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรีย ซึ่งเป็นฐานที่มั่นสุดท้ายของกองกำลังลุกขึ้นสู้ในซีเรีย

แต่อย่างไรก็ตาม การปะทะใน Idlib และในบางพื้นที่ของเขต Aleppo ไม่เพียงแต่เป็นการเผชิญหน้าระหว่างกองกำลังซีเรียกับตุรกีเท่านั้น หากที่แท้คือการทำสงครามตัวแทนของรัสเซีย ซึ่งเป็นผู้ที่ให้การสนับสนุนกองทัพของรัฐบาลซีเรียและตุรกีที่ให้การสนับสนุนกองกำลังลุกขึ้นสู้ในซีเรีย

สถานการณ์ใน Idlib และปฏิกิริยาของตุรกี

ด้วยความตั้งใจทำลายฐานที่มั่นสุดท้ายของกองกำลังลุกขึ้นสู้ในเมือง Idlib ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว กองทัพของรัฐบาลซีเรียได้เร่งปฏิบัติยุทธนาการโจมตีใส่เมือง Idlib โดยสามารถเข้าควบคุมตำบลและหมู่บ้านหลายแห่งในเขตนี้ ซึ่งภารกิจนี้ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพอากาศรัสเซียตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2015

ส่วนตุรกีได้ประกาศว่า ยุทธนาการดังกล่าวละเมิดข้อตกลงระหว่างรัสเซียกับตุรกีที่ได้ลงนามเมื่อปี 2018 เกี่ยวกับการกำหนดพื้นที่ลดความตึงเครียดในจังหวัด Idlib โดยในหลายสัปดาห์มานี้ ตรุกีได้ส่งทหารและยุทโธปกรณ์จำนวนมากไปยัง Idlib และ Aleppo ซึ่งเป็นการขัดขวางการยึดคืนพื้นที่เขตนี้ของรัฐบาลซีเรีย ทำให้การเผชิญหน้าโดยตรงระหว่างกองทัพรัฐบาลซีเรียและทหารตุรกีนับวันตึงเครียดมากขึ้น โดยเฉพาะ ล่าสุดสถานีโทรทัศน์แห่งชาติรัสเซีย Rossiya 1 ได้รายงานข่าวเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ว่า ทหารตุรกีได้ใช้จรวดประทับบ่ายิงเครื่องบินรบของรัสเซียที่กำลำปฏิบัติภารกิจเหนือน่านฟ้าของเมือง Idlib หลายครั้ง

ท่าทีที่แข็งกร้าวของรัสเซียและซีเรีย

แม้จะสามารถขัดขวางการยึดคืนเขต Idlib ของรัฐบาลซีเรียได้ในระดับหนึ่งแต่ทั้งตุรกีและฝ่ายลุกขึ้นสู้ในซีเรียต่างรู้ดีว่า รัฐบาลซีเรียจะสามารถเข้าควบคุมเขต Idlib และพื้นที่ทั้งหมดในภาคตะวันตกเฉียงเหนือได้ในเร็วๆนี้ ซึ่งหมายความว่า กองกำลังลุกขึ้นสู้ที่อยู่ฝ่ายตุรกีจะถูกทำลาย ดังนั้น ตุรกีและบางประเทศจึงได้เรียกร้องให้รัสเซียและซีเรียยุติการโจมตีใส่เมือง Idlib แต่ในการกล่าวปราศรัยที่สภาสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ณ เมืองเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ นาย เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียได้ปฏิเสธคำเรียกร้องดังกล่าว โดยเผยว่า หากยุติก็หมายถึง “การยอมจำนนต่อการก่อการร้ายและเป็นรางวัลให้แก่ผู้ก่อการร้าย”

นักวิเคราะห์สถานการณ์ได้แสดงความคิดเห็นว่า กองทัพรัฐบาลซีเรียก็ตระหนักดีถึงท่าทีที่แข็งกร้าวนี้ของรัสเซีย ซึ่งสะท้อนให้แห็นผ่านคำประกาศต่างๆที่ย้ำถึงความตั้งใจปลดปล่อย Idlib และถอนรากถอนโคนกลุ่มก่อการร้ายที่ได้รับการสนับสนุนจากภายนอก

อาจกล่าวได้ว่า ทั้งรัสเซีย ซีเรียและตุรกีต่างมีความตั้งใจและยึดมั่นในจุดยืนไม่ผ่อนปรนในปัญหานี้ ซึ่งได้สร้างความวิตกกังวลเกี่ยวกับภัยคุกคามของการเผชิญหน้าที่นองเลือดในเมือง Idlib ในเวลาข้างหน้า นักวิเคราะห์ยังแสดงความคิดเห็นว่า ผลกระทบจากการเผชิญหน้าด้วยอาวุธจะสร้างความเสียหายอย่างหนักหน่วงต่อทุกฝ่าย ไม่ว่าจะชนะหรือพ่ายแพ้ก็ตาม โดยเฉพาะความสัมพันธ์หุ้นส่วนทางเศรษฐกิจและความร่วมมือที่ดีงามในด้านต่างๆระหว่างรัสเซียกับตุรกีในปัจจุบันอาจถูกทำลาย ซึ่งทั้งรัสเซียและตุรกีต่างรู้ดีถึงปัญหานี้ ดังนั้น แม้ออกแถลงการณ์ที่แข็งกร้าวแต่ทั้งรัสเซียและตุรกีต่างก็แสดงความประสงค์เกี่ยวกับการสนทนาและได้มีการจัดการเจรจาหลายครั้ง แต่เนื่องจากความซับซ้อนของปัญหาและผลประโยชน์เชิงยุทธศาสตร์ กระบวนการเจรจาเกี่ยวกับอนาคตของ Idlib จึงยังไม่แล้วเสร็จ ทำให้ยังไม่สามารถนำความหวังเกี่ยวกับสันติภาพมาให้แก่ประชาชนผู้บริสุทธิ์นับหมื่นคนในซีเรียที่กำลังติดอยู่ในวงล้อมแห่งสงครามได้.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด