ในตลอดการพัฒนาเวลา 53 ปี ประชาคมประเทศที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสได้กลายเป็นเวทีแห่งการเมือง เศรษฐกิจและวัฒนธรรมที่หลากหลาย ซึ่งมีส่วนร่วมอย่างเป็นรูปธรรมต่อการธำรงสันติภาพ ความร่วมมือและการพัฒนาอย่างยั่งยืนในโลก ถึงขณะนี้ OIF มี 88 ประเทศสมาชิกและประเทศผู้สังเกตการณ์ใน 5 ทวีปทั่วโลกรวมประชากรประมาณ 1.2 พันล้านคน ซึ่งมีส่วนร่วมคิดเป็นร้อยละ 20 ของการแลกเปลี่ยนการค้าและร้อยละ 16 ของจีดีพีโลก

ช่องทางที่ช่วยเวียดนามยกระดับสถานะ

นับตั้งแต่ที่เข้าเป็นสมาชิกของ OIF เมื่อปี 1979 ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับ OIF นับวันได้รับการเสริมสร้างอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเปิดโอกาสให้เวียดนามขยายตัวและผสมผสานเข้ากับกระแสโลกมากขึ้น

ในหลายทศวรรษที่ผ่านมา โดยเฉพาะในช่วงที่เวียดนามถูกปิดล้อมและคว่ำบาตร เวียดนามได้รับความช่วยเหลือเป็นอย่างมากจาก OIF ทั้งในด้านแหล่งเงินทุน องค์ความรู้ และเทคนิค และ OIF เป็นเวทีให้เวียดนามปฏิบัตินโยบายการต่างประเทศและเป็นช่องทางที่ช่วยให้เวียดนามสามารถขยายความสัมพันธ์กับประเทศพัฒนาที่เป็นสมาชิก เช่น ฝรั่งเศสและแคนาดา ตลอดจนผลักดันความสัมพันธ์กับบรรดาประเทศเพื่อนมิตรเก่าแก่ในทวีปแอฟริกา เวียดนามพยายามส่งเสริมความสัมพันธ์ร่วมมือกับประชาคมประเทศที่ใช้ภาษาฝรั่งเศส เป็นสมาชิกที่กระตือรือร้นและมีความรับผิดชอบ พร้อมทั้งเป็นแกนหลักในขบวนการประเทศที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสในเอเชีย – แปซิฟิก

เวียดนามมีความคิดริเริ่มต่างๆ เพื่อขยายความร่วมมือและเพิ่มการสนทนาระหว่างบรรดาประเทศสมาชิก การที่ผู้นำระดับสูงของเวียดนามได้เข้าร่วมการประชุมระดับสูงต่างๆ ของประชาคมประเทศที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า เวียดนามให้ความสำคัญต่อความร่วมมือกับ OIF จากการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับสูงครั้งที่ 7 ของประชาคมประเทศที่ใช้ภาษาฝรั่งเศส ณ กรุงฮานอยเมื่อปี 1997 เวียดนามได้มีส่วนร่วมที่สำคัญต่อการแปรกลไกการปฏิบัติทางการเมือง ยกย่องความร่วมมือด้านเศรษฐกิจควบคู่กับการเมือง วัฒนธรรมและภาษาของ OIF

จากการเข้าร่วมอย่างเข้มแข็งและจริงใจในปัญหาที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆของ OIF เกือบทั้งหมด การจัดทำยุทธศาสตร์ความร่วมมือไปจนถึงการผลักดันการปฏิรูประเบียบราชการ เวียดนามได้กลายเป็นหนึ่งในประเทศกำลังพัฒนาที่เป็นแกนหลักของกลุ่มและมีบทบาทสำคัญในการวางผังและปฏิบัติยุทธศาสตร์ความร่วมมือของกลุ่ม นอกจากนี้ เวียดนามได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งสำคัญๆ หลายครั้ง OIF ก็ให้ความสำคัญต่อเวียดนาม โดยส่งคณะผู้แทนระดับสูงมาเยือนเวียดนามหลายครั้ง โดยในการเยือนเวียดนามเมื่อเดือนธันวาคมปี 2019 เลขาธิการขององค์การ นาย Louise Mushikiwabo ได้ย้ำเป็นพิเศษถึงบทบาทสำคัญและเข้มแข็งของเวียดนามใน OIF

ผลสำเร็จต่างๆ จากความร่วมมือ

ในเวลาที่ผ่านมา OIF และสำนักงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ ได้ประสานงานกับบางประเทศสมาชิก OIF ปฏิบัติโครงการต่างๆ ในเวียดนาม ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาฝึกอบรมภาษาฝรั่งเศสการวิจัยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี เศรษฐกิจ การค้า เภสัชภัณฑ์ วิทยาศาสตร์และกฎหมาย เวียดนามมีความสัมพันธ์ร่วมมือด้านเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดกับประเทศสมาชิก OIF โดยประเทศสมาชิก OIF ในทวีปแอฟริกาได้ถือเวียดนามเป็นตัวอย่างแห่งความสำเร็จในการแก้ปัญหาความยากจน พัฒนาเศรษฐกิจสังคมและผสมผสานเข้ากับกระแสโลก พร้อมทั้งแสดงความประสงค์ว่า จะขยายความสัมพันธ์ร่วมมือกับเวียดนามและกลายเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจและการค้าที่สำคัญของเวียดนาม ในหลายปีมานี้ การแลกเปลี่ยนการค้าระหว่างเวียดนามกับกลุ่มประเทศ OIF มีเสถียรภาพและมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 แต่มูลค่าการค้าต่างตอบแทนระหว่างเวียดนามกับบรรดาประเทศสมาชิกของ OIF ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างน่าประทับใจในปี 2021 โดยยอดมูลค่าการนำเข้าและส่งออกบรรลุเกือบ 3 หมื่น 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ในการประชุมของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเมื่อวันที่ 8 กันยายนปี 2020 นับเป็นครั้งแรกที่ได้มีการหารือเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างสหประชาชาติกับ OIF โดยเวียดนามในฐานะสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้เสนอความคิดริเริ่มต่างๆ เช่น การจัดทำเครือข่ายบรรดาประเทศที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการปฏิบัติโครงการต่างๆของสหประชาชาติในทวีปแอฟริกา ขยายความร่วมมือไตรภาคีระหว่างสหประชาชาติกับ OIF และสหพันธ์แอฟริกาหรือ AU ในการแก้ไขการปะทะ

ในการปฏิบัติแนวทางการต่างประเทศหลายรูปแบบหลายฝ่าย เป็นฝ่ายรุกและผสมผสานเข้ากับกระแสโลกอย่างเข้มแข็ง ในตลอด 44 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่เข้าเป็นสมาชิกของ OIF เวียดนามได้มีส่วนร่วมอย่างเข้มแข็งและมีความรับผิดชอบต่อการพัฒนาของกลุ่ม ซึ่งบนพื้นฐานที่ทุกประเทศ OIF ได้ทำนุบำรุงในเวลาที่ผ่านมา เวียดนามและ ประชาคมประเทศที่ใช้ภาษาฝรั่งเศษยืนหยัดจะกระชับความสัมพันธ์ร่วมมือและความเป็นหุ้นส่วนที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นต่อไป.