พลโทอาวุโส หว่างซวนเชี้ยน แจ้งข้อมูลเกี่ยวกับการชะล้างไดออกซินที่สนามบินเบียนหว่า

“วันนี้ พวกเรามารวมตัวกันที่สนามบินเบียนหว่าเพื่อจัดกิจกรรมแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและการปนเปื้อนจากสารพิษไดออกซิน ผลความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมนี้ถือเป็นการยืนยันถึงความมุ่งมั่นร่วมกันของทั้งสองฝ่ายในการแก้ไขผลเสียหายจากสงคราม บนเจตนารมณ์แห่งการปิดอดีต มุ่งสู่อนาคต เพื่อสันติภาพและการพัฒนาที่ยั่งยืน”

สนามบินเบียนหว่าจังหวัดด่งนาย ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีการปนเปื้อนสารไดออกซินรุนแรงที่สุดในเวียดนามในช่วงสงครามและเคยเป็นฐานทัพอากาศแต่บัดนี้ได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งความร่วมมือด้านมนุษยธรรม การสมานแผลสงคราม และการมุ่งสู่อนาคต

“กิจกรรมในวันนี้ไม่เพียงเป็นการสานต่อภารกิจที่เราได้ดำเนินการในช่วงที่ผ่านมาเท่านั้น แต่ยังเป็นการสนับสนุนและส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีงามระหว่างสองประเทศอีกด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนเกี่ยวกับคำมั่นของสหรัฐต่อเวียดนามในการแก้ไขผลเสียหายจากสงคราม”

เมื่อวันที่ 15 กันยายนที่ผ่านมา พลโทอาวุโส หว่างซวนเชี้ยน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมและนาย Marc Evans Knappe เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำเวียดนามได้ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีส่งมอบพื้นที่ที่ผ่านการชะล้างแล้ว พิธีก่อสร้างและติดตั้งระบบเทคโนโลยีความร้อนสำหรับกำจัดสารไดออกซินและลงนามในข้อตกลงที่เพิ่มวงเงินช่วยเหลือแบบรูปให้เปล่า หรือ ODA จากสหรัฐอเมริกา มูลค่า 32 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อดำเนินโครงการแก้ไขผลเสียหายจากสงครามในประเทศเวียดนามต่อไป ซึ่งเป็นกิจกรรมส่วนหนึ่งในกรอบโครงการร่วมมือแก้ไขสารพิศไดออกซินในพื้นที่สนามบินเบียนหว่าระหว่างกระทรวงกลาโหมเวียดนามกับ USAID ของสหรัฐที่ได้รับการปฎิบัตินับตั้งแต่ปี 2019 โดยถึงขณะนี้ สามารถชะล้างพื้นที่ปนเปือนได้ร้อยละ 50 มอบให้แก่เวียดนามเพื่อรับใช้ภารกิจพัฒนาเศรษฐกิจสังคมและความมั่นคงกลาโหม

มอบใบรับรองพื้นที่ที่ผ่านการชะล้างที่สนามบินเบียนหว่า

ควบคู่กับการปฏิบัติโครงการเหล่านี้ การทูตด้านกลาโหมยังคงรณรงค์ให้หุ้นส่วนและองค์กรระหว่างประเทศให้การช่วยเหลือในการเก็บกู้กับระเบิด โดยจังหวัดกว๋างจิ ซึ่งเป็นแนวหน้าที่ดุเดือดในอดีตได้กลายเป็นศูนย์กลางของโครงการเก็บกู้กับระเบิดระหว่างประเทศต่างๆ

ระเบิดและหัวกระสุนที่ถูกเก็บกู้คือการเพิ่มพื้นที่ปลอดภัยหรือการเพิ่มโอกาสในการพัฒนาเศรษฐกิจให้กับประชาชน

“ก่อนหน้านี้ ฉันไม่กล้าทำการเกษตรในพื้นที่รอบบ้านเพราะกลัวว่าจะมีระเบิดหรือทุ่นระเบิดตกค้าง ตอนนี้มีทีมกู้ระเบิดมาช่วย เราจึงสามารถปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ได้อย่างสบายใจ ชีวิตจึงมีความมั่นคงมากขึ้น”

ตั้งแต่ปี 1993 จนถึงปัจจุบัน สหรัฐได้ให้ความช่วยเหลือเวียดนามกว่า 230 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อเก็บกู้ระเบิดและชะล้างไดออกซิน ส่วนสาธารณรัฐเกาหลีก็ผ่านองค์กร KOICA สนับสนุนโครงการ KVMAP (2018–2024) ด้วยงบกว่า 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับญี่ปุ่น นอร์เวย์ เยอรมนีและออสเตรเลียนั้นก็ร่วมกับกระทรวงกลาโหมเวียดนามวาดแผนที่มลพิษจากระเบิดโดยเน้นถึงการสนับสนุนด้านเทคนิค อุปกรณ์ การฝึกอบรมและการถ่ายทอดเทคโนโลยี ซึ่งความร่วมมือระหว่างประเทศเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงจิตใจแห่งมนุษยธรรมเพื่อความปลอดภัยและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน 

จิตใจแห่งมนุษยธรรมนี้ยังได้รับการส่งต่อไปยังซูดานใต้และสาธารณรัฐแอฟริกากลางผ่านกองกำลังรักษาสันติภาพเวียดนามในกิจกรรมด้านสาธารณสุข การแก้ไขผลเสียหายจากการปะทะ การช่วยเหลือภัยพิบัติและชาวท้องถิ่น ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ไม่เพียงเพิ่มขีดความสามารถทางการทหารเท่านั้น แต่ยังแสดงถึงเจตจำนงที่ดี ความรับผิดชอบระหว่างประเทศและภาพลักษณ์ของทหารเวียดนามอีกด้วย พันเอก เหงวียนยวีมิง รองอธิบดีกรมการต่างประเทศสังกัดกระทรวงกลาโหมเวียดนามยืนยันว่า

“นี่คือภารกิจทางทหารในยามสงบ เป็นภารกิจอันทรงเกียรติ มีความหมายทางมนุษยธรรมของพรรค รัฐและกองทัพเวียดนาม ซึ่งช่วยเผยแพร่ภาพลักษณ์ของทหารกองทัพประชาชนเวียดนามต่อสายตาเพื่อนมิตรนานาชาติ”

ผู้แทนกกบุ่มเปิดตัวระบบเทคโนโลยีความร้อนสำหรับกำจัดสารไดออกซิน

การต่างประเทศด้านกลาโหมและความร่วมมือแก้ไขผลเสียหายจากสงครามต่างมุ่งสู่เป้าหมายร่วมคือสร้างสรรค์ความไว้วางใจและธำรงสันติภาพ ในฐานะประเทศที่เคยผ่านสงคราม เวียดนามเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับคุณค่าของสันติภาพ จึงร่วมมือกับประชาคมระหว่างประเทศแก้ไขผลเสียหายจากสงคราม เสริมสร้างไมตรีจิตมิตรภาพและความไว้วางใจ เข้าร่วมกิจกรรมรักษาสันติภาพต่างๆ อย่างเข้มแข็งและส่งสารด้านมนุษยธรรมและความรับผิดชอบของประชาชาติที่ใฝ่สันติภาพ รองเลขาธิการสหประชาชาติฝ่ายปฏิบัติการรักษาสันติภาพ Jean-Pierre Lacroix ได้กล่าวยกย่องว่า

“เราได้เห็นทักษะและความสามารถในระดับมืออาชีพของกองกำลังรักษาสันติภาพเวียดนาม โดยสามารถปรับตัวและเสร็จสิ้นหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายเป็นอย่างดีแม้กระทั่งในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบากต่างๆซึ่งช่วยให้เราสร้างการเปลี่ยนแปลงแห่งสันติภาพ โดยเฉพาะได้สร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับชุมชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการปะทะ”

หลุมระเบิดในอดีต ขณะนี้ได้กลายเป็นทุ่งนาเขียวขจี หรือผืนดินที่เคยถูกทิ้งให้รกร้างว่างเปล่าปัจจุบันก็ได้กลายเป็นพื้นที่ที่เด็กสามารถเข้ามาเล่นด้วยความสุขและสบายใจ

เจตนารมณ์แห่งความเป็นมนุษยธรรม ความพยายามของการต่างประเทศด้านกลาโหมและไมตรีจิตมิตรภาพระหว่างประเทศได้ทำให้เวียดนามกำลังเขียนเรื่องราวใหม่แห่งสันติภาพ ความร่วมมือและการพัฒนา.