เอกอัครราชทูตปาเลสไตน์ Saadi Salama กับความรักต่อเวียดนาม

(VOVWORLD) - เอกอัครราชทูตปาเลสไตน์ SaadiSalama ได้ศึกษา ทำงานและพำนักอาศัยในเวียดนามมาแล้วเกือบ 39ปี โดยเขาได้ถือเวียดนามเป็นบ้านเกิดแห่งที่สองเพราะมีความผูกพันกับเวียดนามและมีความรักพิเศษต่อประเทศรูปตัวอักษร S แห่งนี้
เอกอัครราชทูตปาเลสไตน์ Saadi Salama  กับความรักต่อเวียดนาม - ảnh 1เอกอัครราชทูตปาเลสไตน์ SaadiSalama 

นาย Saadi Salama  เกิดวันที่ 26 มกราคมปี 1961 ที่จังหวัด Hebron ทางภาคใต้ของประเทศปาเลสไตน์ โดยตั้งแต่ปี 2009 จนถึงปัจจุบัน นาย Saadi Salamaได้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตรัฐปาเลสไตน์ประจำเวียดนามและเคยปฏิบัติหน้าที่ต่างๆในสำนักงานตัวแทนการทูตของปาเลสไตน์ประจำประเทศลาว เยเมนและกานาซึ่งเขาเป็นหนึ่งในชาวต่างชาติที่สามารถพูดภาษาเวียดนามได้อย่างคล่องแคล่วเหมือนภาษาแม่และเป็นผู้เชี่ยวชาญชาวอาหรับเกี่ยวกับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเวียดนาม

ตั้งแต่ตอนอายุ 12 ขวบ ท่านทูต Saadi Salama  ได้ให้ความสนใจต่อประเทศเวียดนาม โดยได้ติดตามและอ่านข่าวเกี่ยวกับประเทศเวียดนามทุกวันเพราะชื่นชมประชาชาติเวียดนามที่ทำการต่อสู้เพื่อช่วงชิงเอกราชและได้เข้าร่วมการปฏิวัติปาเลสไตน์ ต่อมาตอนอายุ 19 ปี เขาได้รับทุนการศึกษาจากองค์การปลดปล่อยปาเลสไตน์หรือ PLO ให้ไปศึกษาในต่างประเทศ โดยเขาได้เลือกไปศึกษาที่มหาวิทยาลัยโปลีเทคนิกฮานอยซึ่งปัจจุบันคือมหาวิทยาลัยแห่งชาติฮานอย แทนการไปเรียนที่ประเทศโรมาเนียหรืออิตาลี ท่านทูต Saadi Salama ได้กล่าวถึงความทรงจำดังกล่าวว่า“สถานการณ์ที่คล้ายๆกันระหว่างปาเลสไตน์กับเวียดนามทำให้ผมต้องการศึกษาเกี่ยวกับประเทศเวียดนาม ซึ่งหลังจากได้รับทุนการศึกษาให้ไปเรียนในต่างประเทศ ผมได้เลือกไปเรียนที่เวียดนามเพราะมีความประทับใจประเทศและคนเวียดนาม โดยผมได้เดินทางมากรุงฮานอยเมื่อวันที่ 14 ตุลาคมปี 1980 ซึ่งเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่มีอากาศเย็นสบาย ผมสามารถศึกษาค้นคว้าสิ่งที่ดีๆของประเทศเวียดนามมาโดยตลอดและยิ่งมีความผูกพันอย่างใกล้ชิดกับประเทศเวียดนามมากขึ้น”

ในช่วงวัยหนุ่ม ท่านทูต Saadi Salama ได้ตกหลุมรักสาวฮานอยคนหนึ่งและแต่งงานกันโดยมีบุตรด้วยกัน 4 คน เป็นบุตรสาว 3 คนและบุตรชาย 1 คน ซึ่งทุกคนสามารถพูดภาษาเวียดนาม ภาษาอาหรับและภาษาฝรั่งเศสได้อย่างคล่องแคล่วและต่างรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้ถือสัญชาติปาเลสไตน์และเวียดนาม ซึ่งท่านทูต Saadi Salama เชื่อมั่นว่า ลูกๆจะมีส่วนร่วมส่งเสริมความสามัคคีและมิตรภาพระหว่างประชาชนเวียดนามกับปาเลสไตน์

ทุกครั้งที่มีเพื่อนจากประเทศต่างๆมาเยือน สิ่งแรกที่ท่านทูต Saadi Salamaแนะนำเกี่ยวกับประเทศเวียดนามคืออาหาร เช่น “เฝอ” หรือก๋วยเตี๋ยว บุ๋นจ๋าหรือขนมจีนกับหมูย่างและจ๋าก๊า เป็นต้น อีกทั้งแนะนำเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของเวียดนาม โดยท่านทูต Saadi Salama มีความทรงจำที่ดีงามเกี่ยวกับประเทศเวียดนามจากการเดินทางลงพื้นที่ต่างๆเพื่อศึกษาค้นคว้าวัฒนธรรม ขนมธรรมเนียมประเพณีของประเทศและคนเวียดนามและเผยว่า การพำนักอาศัยในประเทศเวียดนามมาอย่างยาวนานทำให้มีจิตใจเหมือนคนเวียดนาม“การพำนักอาศัยในประเทศเวียดนามต้องมีการปรับตัวเข้ากับสังคมของที่นี่ โดยการมีจิตใจเหมือนคนเวียดนามทำให้มีความคิดเหมือนคนเวียดนาม ซึ่งผมคิดว่า ผมควรมีความรับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้น โดยก่อนอื่น ต้องกระชับความสัมพันธ์ระหว่างปาเลสไตน์กับเวียดนามให้พัฒนาในทุกด้าน ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรมและกีฬา จากการมีความรู้เกี่ยวกับประเทศเวียดนามเนื่องจากได้ศึกษาและพำนักอาศัยในประเทศเวียดนาม ผมมีหน้าที่ประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ประเทศเวียดนามให้แก่ทั้งประชาชนปาเลสไตน์ ประเทศต่างๆในโลกอาหรับและเพื่อนมิตรชาวต่างชาติ ประเทศต่างๆในโลกอาหรับมีประชากรเกือบ 800 ล้านคน ดังนั้น พวกเราควรจัดทำเว็บไซต์เป็นภาษาอาหรับเพื่อแนะนำเกี่ยวกับการท่องเที่ยว การค้าและวัฒนธรรมเวียดนาม ซึ่งอะไรที่สามารถทำได้ ผมก็พยายามทำอย่างเต็มที่”

ท่านทูต Saadi Salama เป็นคนอาหรับคนแรกที่แปลผลงานวรรณกรรม หนังสือและหนังสือพิมพ์จากภาษาเวียดนามเป็นภาษาอาหรับและจากภาษาอาหรับเป็นภาษาเวียดนาม อีกทั้งเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อชุมชนในเวียดนามอย่างเข้มแข็ง“เมื่อเห็นข่าวปัญหาการขาดแลนเลือดของโรงพยาบาลต่างๆในเวียดนาม ผมก็พร้อมบริจาคโลหิตถ้ามีสุขภาพดี เมื่อปี2010 ผมได้เข้าร่วมกิจกรรมฉลองกรุงทังลอง - ฮานอยมีอายุครบ 1,000ปี โดยสหพันธ์องค์การมิตรภาพกรุงฮานอยได้จัดการประกวดเรียงความเกี่ยวกับกรุงฮานอย ซึ่งผมได้ส่งบทความ 1,000 คำเกี่ยวกับโบราณสถานทางประวัติศาสตร์ สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและมรดกวัฒนธรรมของกรุงฮานอยเข้าร่วมการประกวด ซึ่งก็ได้รับรางวัลพิเศษ โดยได้รับเงินจำนวนหนึ่ง หลังจากนั้นไม่กี่เดือน เมื่อทราบข่าวว่าจังหวัดเหงะติ๊งประสบปัญหาน้ำท่วมผมก็ได้มอบเงินดังกล่าวเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย”

ท่านทูต Saadi Salama ให้ความสนใจเป็นพิเศษต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับประเทศต่างๆในโลกอาหรับเพราะเห็นว่ายังไม่พัฒนาทัดเทียมกับศักยภาพและจุดแข็งของแต่ละฝ่าย พร้อมทั้งหวังว่า ในอนาคต จะมีหน่วยงานและบริษัทต่างๆที่ผลักดันการประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ประเทศเวียดนามสู่สายตาชาวอาหรับและประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับโลกอาหรับให้แก่ประชาชนเวียดนามมากขึ้น ซึ่งถือเป็นความฝันที่ยิ่งใหญ่ของท่านทูต Saadi Salamaและท่านทูตยังกล่าวว่า ประเทศเวียดนามอยู่ในดวงใจของท่านเสมอ.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด