แพทย์ทหารหญิง เหงวียน กิม หนือ เฮี๊ยว (hanoimoi.vn)

ท่ามกลางบรรยากาศของห้องตรวจในโรงพยาบาลกองทัพส่วนกลาง108 แพทย์ทหารหญิง เหงวียน กิม หนือ เฮี๊ยว ที่มีรูปร่างเล็กๆพร้อมรอยยิ้มอันอบอุ่นกำลังให้คำปรึกษาด้านสุขภาพแก่ชุมชน ถึงแม้อยู่ในวัยกว่า 80 ปีแต่เธอก็ยังคงทุ่มเทในการทำงานอย่างไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย

เมื่อเดือนพฤษภาคมปี1965 พร้อมกับนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ฮานอย100 คนและนักศึกษาแพทย์นับร้อยคนเหงวียนกิมหนือเฮี้ยวได้อาสาเข้ากองทัพด้วยความมุ่งมั่นที่จะอุทิศวัยหนุ่มสาวของตนเพื่อชาติเธอสมัครรับหน้าที่ดูแลทหารบาดเจ็บจากสมรภูมิ กระสุนและระเบิดไม่สามารถทำให้เธอย่อท้อซึ่งถือเป็น “โรงเรียนแห่งชีวิต” ที่หล่อหลอมความมุ่งมั่น ความเมตตาและความเข้มแข็งของแพทย์ทหารหญิงผู้นี้

เมื่อเดือนมกราคมปี1972 ขณะกำลังตั้งครรภ์ลูกคนแรกกับสามีซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรบคือศาสตราจารย์เหงวียนเลิน หยุง เธอได้รับหน้าที่ไปสมรภูมิกว๋างจิในการเลือกระหว่างความสุขส่วนตัวกับหน้าที่ต่อประเทศชาติแพทย์ทหารหญิงเหงวียนกิมหนือเฮี้ยว ได้ตัดสินใจไปปฏิบัติหน้าที่พร้อมกับ“ชีวิตน้อยๆ”ในครรภ์และความรักอันยิ่งใหญ่ต่อมาตุภูมิ

“ ฉันยังคงมีความปรารถนาว่าจะได้ไปสมรภูมิเพราะอยากเข้าร่วมสมรภูมิจริง ไม่อยากนั่งอยู่ที่บ้านที่ห่างไกลจากความโหดร้ายของสงครามดังนั้นฉันกับสามีจึงตัดสินใจรับหน้าที่แม้จะต้องเผชิญกับความลำบากแต่ก็พร้อมพยายามฟันฝ่าไปให้ได้”

เมื่อเดือนพฤษภาคมปี1965 เหงวียนกิมหนือเฮี้ยวได้อาสาเข้ากองทัพด้วยความมุ่งมั่นที่จะอุทิศวัยหนุ่มสาวของตนเพื่อชาติ

หลังจากที่สงครามสิ้นสุดพันเอกรองศาสตราจารย์ดร. เหงวียนกิมหนือเฮี้ยว ยังคงอุทิศทั้งชีวิตให้กับหน่วยงานแพทย์ทหาร โดยรับตำแหน่งต่างๆ เช่น แพทย์ในแผนกโรคติดเชื้อแผนกเจ้าหน้าที่ระดับสูงแผนกกุมารเวชจนถึงตำแหน่งรองผู้อำนวยการโรงพยาบาลกองทัพส่วนกลาง108 แต่ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใดเธอก็พยายามอย่างไม่หยุดยั้ง ทำงานอย่างระมัดระวัง มีวิทยาศาสตร์และประสิทธิภาพ พร้อมทั้งศึกษาและพัฒนาความรู้ใหม่ๆอยู่เสมอ

“ไม่ว่าจะอยู่ในวัยใดก็ต้องเรียนรู้ เพราะถ้าไม่เรียนก็จะไม่สามารถตามทันสิ่งใหม่ ๆ ได้แม้ฉันจะเป็นแพทย์ที่เกษียณอายุแล้ว แต่ก็ยังคงต้องเรียนรู้อย่างต่อเนื่องเพื่อเข้าถึงความรู้ใหม่ ๆ และนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อชีวิต”

ปี2003 รองศาสตราจารย์หนือเฮี้ยวเกษียณอายุราชการแต่สำหรับเธอที่อุทิศทั้งชีวิตเพื่อรักษาชีวิตของผู้คนนั้น คำว่า“พักผ่อน”ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ห่างไกล เพราะเธอคิดแค่ว่า “ตราบใดที่ยังมีแรงก็ต้องอุทิศตนต่อไป” ซึ่งการเกษียณอายุราชการนั้นก็ถือเป็นการเริ่มต้นระยะใหม่ในชีวิตของเธอ

“ถึงอายุยืนยาวมากแล้วแต่ถ้ายังสามารถทำอะไรได้ก็ต้องพยายามทำและไม่เพียงแค่นั้นเรายังพยายามเผยแพร่ให้คนอื่นทำด้วยเพื่อที่ว่าถ้าวันหนึ่งเราไม่สามารถทำได้อีกสิ่งดีๆความรักและความดีจะถูกส่งต่อไปสู่ทุกคน”

เธอสมัครรับหน้าที่ดูแลทหารบาดเจ็บจากสมรภูมิ

ในตลอดกว่า20 ปีที่ผ่านมารองศาสตราจารย์หนือเฮี๊ยว ได้เข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมต่างๆ เช่น เป็นสมาชิกคณะกรรมการสมาคมทหารผ่านศึกและสมาคมผู้เคราะห์ร้ายจากสารพิษสีส้ม เธอและเพื่อนๆ ได้ก่อตั้งกลุ่ม " “ปรัชญาหญิง–เพื่อนของคุณ" ซึ่งถือเป็นองค์กรทางกุศลที่มีประสิทธิภาพโดยมีเป้าหมายหลักสองประการคือบรรเทาความปวดร้าวของผู้เคราะห์ร้ายจากสารพิษสีส้มและช่วยผู้หญิงยากจนในเขตชายแดนให้มีชีวิตที่มั่นคง ซึ่งโครงการต่างๆ เช่น "เลี้ยงแพะ" "ปลูกชาซานเตวี๊ยด"และ"เลี้ยงหมูป่า" ตำบลเขตเขา เจี่ยงเขื่อสามารถช่วยให้ครอบครัวต่างๆ หลุดพ้นจากความยากจนและมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น นาง เหงวียน ถิ เอียน ฮึง รองหัวหน้ากลุ่ม "ปรัชญาหญิง–เพื่อนของคุณ"กล่าวว่า

“คุณหมอ เฮี๊ยว เป็นแรงบันดาลใจที่ช่วยดึงดูดผู้เข้าร่วมจำนวนมากโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่และนักวิทยาศาสตร์จากทหารผ่านศึกในสมรภูมิในช่วงวัยเยาว์ ขณะนี้ เธอยังคงเป็นผู้ที่มีบุคลิกแบบทหารและหัวใจที่เมตตา”

ในนามของกลุ่ม " “ปรัชญาหญิง–เพื่อนของคุณ" รองศาสตราจารย์ เหงียน กิม หนือเฮี๊ยว ได้มอบรูปแบบพัฒนาเศรษฐกิจให้แก่ประชาชนจังหวัดเซินลา

ความพยายามอย่างไม่หยุดยั้งของรองศาสตราจารย์ เหงียน กิม หนือเฮี๊ยว ได้ช่วยให้เธอได้รับเหรียญรางวัลต่างๆ เช่น เหรียญรางวัลความกล้าหาญชั้น 1 เหรียญรางวัลการต่อสู้ชั้น 3 เหรียญรางวัลการปกป้องประเทศชั้น1เหรียญรางวัลทหารอันรุ่งโรจน์ชั้น 2 และ 3 เหรียญเพื่อคนรุ่นใหม่ เหรียญเพื่อวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เหรียญเพื่อการปลดปล่อยสตรีและเข็มที่ระลึกทหารปกป้องกำแพงเก่า กว๋างจิ ปี 1972 เป็นต้น

ชีวิตของแพทย์ทหารหญิง เหงียน กิมหนืเฮี๊ยวถือเป็นบทกวีแห่งความกล้าหาญของนักรบในชุดกาวน์ ซึ่งเป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงภาพลักษณ์ที่งดงามของ “ทหารลุงโฮ” เธอไม่เพียงแต่เป็นนักรบที่กล้าหาญในสมรภูมิและผู้บริหารที่เอาใจใส่ผู้อื่นในยามสงบ เท่านั้น หากยังเป็น “นางฟ้า” ของชาวบ้านที่ยากจนในเขตชายแดนอีกด้วย ชีวิตของเธอเปี่ยมไปด้วยความหมายความรักและความเมตตาอารี.