ความทรงจำในช่วงเวลาแห่งความรุ่งโรจน์

(VOVworld)- ประชาชนทั้งประเทศกำลังมุ่งสู่การรำลึก40ปีชัยชนะฮานอย-เดียนเบียนฟูกลางเวหา รำลึกถึงช่วงวันเวลาที่ไม่อาจลืมเลือนแห่งการต่อสู้อย่างหาญกล้าเด็ดเดี่ยวของชาวฮานอย ซึ่งสำหรับบรรดาเจ้าหน้าที่ของสถานีวิทยุเวียดนามที่ได้ร่วมอยู่ในเหตุการณ์12วันคืนเดือนธันวาคมนั้น ความทรงจำต่างๆก็จะไม่มีวันจางหายไปจากใจของทุกคน



(VOVworld)- ประชาชนทั้งประเทศกำลังมุ่งสู่การรำลึก40ปีชัยชนะฮานอย-เดียนเบียนฟูกลางเวหา รำลึกถึงช่วงวันเวลาที่ไม่อาจลืมเลือนแห่งการต่อสู้อย่างหาญกล้าเด็ดเดี่ยวของชาวฮานอย ซึ่งสำหรับบรรดาเจ้าหน้าที่ของสถานีวิทยุเวียดนามที่ได้ร่วมอยู่ในเหตุการณ์12วันคืนเดือนธันวาคมนั้น ความทรงจำต่างๆก็จะไม่มีวันจางหายไปจากใจของทุกคน

ความทรงจำในช่วงเวลาแห่งความรุ่งโรจน์ - ảnh 1
สถานีรับส่งสัญญาณ เหมจี่ ในสังกัดสถานีวิทยุเวียดนามตกเป็นหนึ่งในเป้าหมายของการโจมตีอย่างดุเดือดของสหรัฐอเมริกา

ในยุทธนาการณ์เดียนเบียนฟูกลางเวหา สถานีรับส่งสัญญาณ เหมจี่ ในสังกัดสถานีวิทยุเวียดนามตกเป็นหนึ่งในเป้าหมายของการโจมตีอย่างดุเดือดของสหรัฐอเมริกา โดยเริ่มตั้งแต่เช้าวันที่ 19ธันวาคมปี1972 เครื่องบินของสหรัฐได้เปิดฉากการโจมตีด้วยการทิ้งระเบิดใส่บริเวณนี้  แต่เนื่องจากได้มีการเตรียมพร้อมมาก่อนเพราะคาดการณ์ว่า ศัตรูต้องโจมตีสถานีวิทยุเพื่อทำลายสัญญาณคลื่นวิทยุของเวียดนาม ดังนั้นเจ้าหน้าที่ของสถานีวิทยุเวียดนามกเกือบ60คนที่ปฏิบัติงานในสถานีรับส่งสัญญาณเหมจี่ได้ตั้งอยู่ในความพร้อมเพื่อรักษาความปลอดภัยทั้งด้านชีวิตและอุปกรณ์การกระจายเสียง

ความทรงจำในช่วงเวลาแห่งความรุ่งโรจน์ - ảnh 2
นาย เยืองซวนเจื่อง
นาย เยืองซวนเจื่อง หัวหน้าหน่วยป้องกันตนเองพร้อมสมาชิกอีก8คนรับหน้าที่อยู่ปักหลักที่สถานีในตอนนั้นเล่าว่าเราพร้อมรับมือกับการโจมตีและได้ผลัดกันเข้าเวรรอบละ2คนโดยไปไหนก็ถือปืนเค44ติดตัวไปด้วยและไม่รู้สึหวาดกลัวอะไรทั้งนั้นหากเห็นเครื่องบิน เอฟ111 เข้ามาก็จะยิงเลยโดยไม่ต้องรอดูว่าพวกมันจะทิ้งระเบิดลงตรงไหน   ในช่วงเวลา12วันคืนที่สหรัฐอเมริกาใช้เครื่องบินโจมตีถล่มกรุงฮานอยอย่างดุเดือดนั้น สถานีวิทยุเวียดนามก็เป็นช่องทางการประชาสัมพันธ์ที่ดีที่สุดเพื่อรายงานข่าวเหตุการณ์ต่างๆให้ประชาชนทั่วประเทศรับทราบอย่างต่อเนื่อง ส่วนชาวโลกได้ติดตามสัญญาณออกอากาศของวิทยุเวียดนามเพื่อรับทราบถึงความคงอยู่ของประชาชาติหนึ่ง ซึ่งในตอนนั้น เสียงสัญญาณเตือนภัยก็ดังขึ้นตลอดพร้อมเสียงเครื่องบินที่ดังสนั่นเหนือน่านฟ้าฮานอยแต่เจ้าหน้าที่ของสถานีวิทยุเวียดนามยังปักหลักปฏิบัติหน้าที่อย่างต่อเนื่องโดยผลัดเปลี่ยนกันจากสตูดีโอที่ถนนบ่าเจี๋ยวเดินทางไปรับข่าวที่สำนักงานใหญ่ที่ถนนกว๊านซื้อ โดยทุกการเคลื่อนไหวต่างได้รับการรายงานอย่างต่อเนื่อง ศิลปีนยอดเยี่ยม กิมกุ๊ก ซึ่งตอนนั้นเป็นผู้ประกาศข่าวได้เผยว่า พวกเราได้ตั้งหลักที่ฮานอยเพื่อปฏิบัติหน้าที่ เข้าเวร24ชั่วโมงที่ตึก39ถนนบ่าเจี๋ยวและ58ถนนกว๊านซื้อ ถึงแม้ทีมงานมีเพียง7คนเมื่อเทียบกับปกติคือ21คนแต่เราก็พยายามทำเพื่อให้ทุกรายการกระจายเสียงได้รับการออกอากาศอย่างสม่ำเสมอไม่ติดขัด ซึ่งเราก็รู้ดีว่า ศัตรูมุ่งเป้าโจมตีไปที่สถานีวิทยุและสำนักข่าวเวียดนามเพราะเป็นองค์การสื่อสารใหญ่ของประเทศในขณะนั้น

ความทรงจำในช่วงเวลาแห่งความรุ่งโรจน์ - ảnh 3
ถนนเคิมเทียน หนึ่งในเป้าหมายของการโจมตีและเป็นย่านที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักหน่วง

กรุงฮานอยตอนนั้นถูกปกคลุมด้วยหมอกควันที่หนามืดจากระเบิด เสียงสัญญาณเตือนเครื่องบินได้ดังขึ้นในทุกตรอกซอกซอย  เพื่อให้พี่น้องประชาชนรับทราบว่าเครื่องบินของศัตรูกำลังอยู่ไม่ไกลจากฮานอยและเมื่อได้ยินสัญญาณนี้ ชาวนครก็พากันไปที่หลุมหลบภัยซึ่งเป็นการช่วยลดความสูญเสียชีวิตของประชาชนอย่างมีประสิทธิผล แต่เพื่อที่จะสามารถรายงานข่าวอย่างทันท่วงที เจ้าหน้าที่ผู้ประกาศข่าวของวิทยุเวียดนามที่ปฏิบัตงานในขณะนั้นต้องตั้งสติให้อยู่ในความพร้อมตลอด คุณกิมกุ๊กบอกว่า พวกเราต้องรอรับข่าวที่ประตูทางเข้าเพื่อวิ่งเข้าไปในสตูดีโอและอ่านข่าวจากห้องโส่งเลย  บางครั้งยังไม่ทันทานข้าวก็มีเสียงระเบิดและมีข่าวสถานทูตฝรั่งเศสโดนระเบิด ดิฉันตื่นเต้นอยากไปดูสถานการณ์แต่ในใจรู้สึกว่าจะต้องมีข่าวชัยชนะเข้ามาแน่นอนจึงนั่งอยู่ในห้องรอ ดิฉันเป็นคนอ่านข่าวชัยชนะซึ่งตอนนั้นเราอยู่ไกลจากถนนเคิมเทียนแต่ก็รู้สึกได้กลิ่นของควันระเบิดมาถึงที่  สำหรับนักดนตรีฝามเตวียน ซึ่งขณะนั้นกำลังทำงานที่หน่วยวรรณศิลป์ได้เผยว่า ท่ามกลางห่ากระสูนระเบิดที่ดุเดือดนั้น ทุกคนต่างซาบซึ้งในความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวของชาวฮานอยและสถานการณ์ในวันนั้นได้สร้างอารมณ์ให้เขาแต่งบทเพลง ฮานอยเดียนเบียนฟูกลางเวหา ภายในเวลาเพียงคืนเดียวในการประชุมของสถานีวิทยุเวียดนาม ท่านผู้อำนวยการใหญ่เจิ่นเลิมได้รายงานข่าวว่า กองทัพได้มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะต่อสู้เหมือนการสู้รบที่เดียนเบียนฟู ซึ่งเมื่อฟังคำนั้นผมก็รู้สึกถึงความวีรอาจหาญและภาคภูมิใจจนอยากบรรยายออกมาเป็นเพลงเพื่อให้ประชาชนทั้งประเทศรู้ว่าการต่อสู้นั้นดุเดือดแค่ไหน  

กว่าที่จะได้รับชัยชนะในการต่อสู้รวม12วันคืน ชาวฮานอยทั้งปวงต้องฝ่าฟันอุสรรคและความสูญเสียมากมาย โดยประชาชนทุกคนรวมทั้งเจ้าหน้าที่นักข่าวของวิทยุเวียดนามที่ร่วมอยู่ในเหตุการณ์วันนั้นต่างก็มีใจมุ่งมั่นและพยายามมีส่วนร่วมปกป้องนครหลวงและจนถึงทุกวันนี้ ในความทรงจำของพวกเขา ชัยชนะฮานอย-เดียนเบียนฟูกลางเวหาคือความภาคภูมิใจของทั้งประชาชาติเวียดนาม./.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด