สหกรณ์ของสตรีเผ่าเย้ารุ่นใหม่

(VOVWORLD) -สตรีเผ่าเย้า รุ่นใหม่ 11 คนในหมู่บ้านหนำเยิด ตำบลเตินเซิน อำเภอเจอะเม้ย จังหวัดบั๊กก๋าน ได้ร่วมกันก่อตั้งสหกรณ์เพื่อใช้ผลิตภัณฑ์ของท้องถิ่นแก้ปัญหาความยากจน ซึ่งช่วยสร้างสถานะและบทบาทของสตรีชนกลุ่มน้อยในครอบครัวและสังคม
สหกรณ์ของสตรีเผ่าเย้ารุ่นใหม่ - ảnh 1นาง ลี้ถิบา (ขวา) กับสมาชิกในสหกรณ์

นาง ลี้ถิบา หัวหน้าสหกรณ์การเกษตรปลอดสารพิษเตินเซินเป็นสตรีเผ่าเย้าที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความหวังในการสร้างฐานะ ถึงแม้แต่งงานตอนอายุ 18 ปีแต่เมื่ออายุ 20 เธอได้สมัครเข้าเรียนวิชากฎหมายในวิทยาลัย เมื่อปี 2016 ตอนอายุ 27 ปี เธอได้รณรงค์สตรีรุ่นใหม่อีก 10 คนร่วมจัดตั้งสหกรณ์การเกษตรปลอดสารพิษเตินเซิน ซึ่งสมาชิกบางคนมีอายุ 20 ต้นๆเท่านั้น แต่ทุกคนต่างตั้งใจเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้นและฟันฝ่าความสงสัยและการคัดค้านจากครอบครัว นาง ลี้ถิบาเผยว่า

ตอนแรก เราไม่ได้รับการสนับสนุนจากครอบครัว เพราะในขนบประเพณีของชนเผ่าเย้า สตรีจะต้องอยู่บ้าน ไม่ควรออกนอกบ้านบ่อยๆ สามีส่วนใหญ่เป็นคนหัวโบราณ โดยผู้ชายส่วนใหญ่จะดูแลเรื่องการทำมาหากิน ส่วนผู้หญิงจะไม่มีสิทธิ์เก็บเงิน

ในตอนแรกที่ทำธุรกิจสตาร์ทอัพ ลี้ถิบากับเพื่อนๆร่วมกันลงทุนและกู้เงินได้ 500 ล้านด่งเพื่อเปิดสหกรณ์เอนกประสงค์ที่ค้าขายสินค้าเฉพาะถิ่น เช่น ขิง ผัก บวบ ข้าวสารเหนียวดอยและเลี้ยงปศุสัตว์ เป็นต้น แต่การขาดสินค้าหลักได้ส่งผลให้การประกอบธุรกิจขาดประสิทธิภาพ โดยเฉพาะโครงการปลูกผักปลอดสารพิษของสหกรณ์ฯ บางโครงการได้ประสบความล้มเหลวเพราะไม่ได้รับการสนับสนุนจากเกษตรกร แต่เมื่อเห็นศักยภาพของข้าวเหนียวดอยของชนกลุ่มน้อยเผ่าเย้าในตำบลเตินเซิน ซึ่งได้รับความนิยมและมีงความแตกต่างจากผลิตภัณฑ์ของท้องถิ่นอื่นๆในตลาด ทางสหกรณ์จึงได้ตัดสินใจพัฒนาข้าวเหนียวชนิดนี้เป็นสินค้าหลัก โดยขยายความร่วมมือกับครอบครัวกว่า 30 ครอบครัวเพื่อปลูกข้าวเหนียวดอยในพื้นที่กว่า 20 เฮกตาร์และประสบความสำเร็จในการสร้างสรรค์เครื่องหมายการค้าของข้าวเหนียวดอยของชาวเย้าในชื่อ Dayzang ที่บรรลุมาตรฐาน OCOP 3 ดาว นางลี้ถิบา อธิบายว่า “Dayzang” ในภาษาของชาวเย้าหมายถึงข้าวสารเหนียวสีเหลืองที่หอมเป็นพิเศษ ซึ่งปลูกได้ในบางพื้นที่ของตำบลเท่านั้น

ในช่วงก่อน ชาวเย้าใช้ข้าวเหนียว Dayzang เป็นของขวัญมอบให้แก่ญาติมิตรหรือใช้บริโภค บางช่วงก็ไม่มีการปลูกเพราะวิธีการปลูกยากและมีพื้นที่สำหรับการปลูกน้อย อีกทั้งยังถูกหนูและแมลงกัดกินเสียหาย แต่ทางสหกรณ์ได้เน้นพัฒนาการออกแบบ บรรจุภัณฑ์และสร้างสรรค์เครื่องหมายการค้าตามมาตรฐาน OCOP 3 ดาว ซึ่งช่วยให้สินค้าได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ส่วนผลผลิตก็เพิ่มขึ้นหลายเท่าเนื่องจากได้รับการแนะนำเกี่ยวกับเทคนิคการปลูก

สหกรณ์ของสตรีเผ่าเย้ารุ่นใหม่ - ảnh 2พยายามสร้างฐานะให้มั่นคง

จากการสนับสนุนของทางการท้องถิ่น นอกจากข้าวสารเหนียวดอยแล้ว ทางสหกรณ์ยังได้พัฒนาการปลูกมะเขือพวงในพื้นที่ 5 เฮกตาร์ ซึ่งเป็นพันธุ์พืชที่เหมาะกับสภาพภูมิอากาศในท้องถิ่นและได้รับความนิยมในตลาดเป็นอย่างมาก ดังนั้น ทางสหกรณ์ได้ลงทุนพัฒนาระบบโรงเรือนตาข่ายและเครื่องอบเพื่อเก็บรักษาผลิตภัณฑ์หลังการเก็บเกี่ยว ปัจจุบันนี้ ข้าวสารเหนียว Dayzang มีวางจำหน่ายในศูนย์การค้าในกรุงฮานอย 2 แห่ง ส่วนมะเขือพวงก็มีสถานประกอบการแห่งหนึ่งในจังหวัดท้ายบิ่งห์รับซื้อทั้งหมด ทำให้สหกรณ์มีรายได้ประมาณ 1-2 พันล้านด่งต่อปี และมีจำนวนสมาชิกเพิ่มเป็น 15 คน มีการเชื่อมโยงการผลิตกับครอบครัวเกษตรกรนับสิบครอบครัวในหมู่บ้าน 4 แห่งในตำบล ช่วยเพิ่มรายได้และยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านจำนวนหนึ่งในตำบลเตินเซิน ซึ่งเป็นหนึ่งในตำบลยากจนที่สุดของอำเภอเจอะเม้ย  ด้วยรายได้ประมาณ 5-6 ล้านด่งต่อเดือน นาง เยืองถิด่าวและนางเจี๋ยวถิทือ สมาชิกของสหกรณ์กล่าวว่า

หลังจากที่เข้าเป็นสมาชิกของสหกรณ์ ฉันมีรายได้ที่มั่นคงจากการปลูกมะเขือพวง ที่นี่เป็นพื้นที่ที่ลำบากมาก ไม่มีป่าเพื่อผลิต ส่วนการถางป่าเพื่อปลูกข้าวก็ถูกห้าม ทำให้ชาวบ้านต้องไปหางานที่ต่างถิ่น สหกรณ์นี้ได้ช่วยแก้ความยากลำบากให้แก่พวกเรา

ในช่วงก่อน ที่นี่ปลูกได้แต่ขิง แต่ราคาไม่สูงและขาดความมั่นคง แต่ตอนนี้ เราปลูกพืชผักหลายอย่าง แล้วขายให้นาง บา เพราะเธอรับซื้อทั้งหมด

ในเวลาข้างหน้า ทางสหกรณ์ไม่เพียงแต่ผลักดันการขายวัตถุดิบเท่านั้น หากยังลงทุนเครื่องจักรต่างๆเพื่อต่อยอดทำผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป เช่น ชาและยาจากมะเขือพวงและยกระดับคุณภาพของข้าวเหนียว Dayzang ให้บรรลุมาตรฐาน OCOP 4 ดาว พร้อมทั้งขยายขอบเขตโครงการเลี้ยงสัตว์และปลูกผักปลอดสารพิษ ในการประเมินประสิทธิภาพของสหกรณ์และความมุ่งมั่นตั้งใจของกลุ่มสตรีรุ่นใหม่นี้ นาง มาถิเหมิน รองเลขาธิการกองเยาวชนจังหวัดบั๊กก๋าน ได้เผยว่า

พวกเราขอชื่นชมความตั้งใจในการทำธุรกิจสตาร์ทอัพของสตรีรุ่นใหม่ชาวเย้าในสหกรณ์ ซึ่งไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงความปรารถนาสร้างฐานะให้ดีขึ้นเท่านั้น หากยังเป็นการยืนยันสถานะของสตรีรุ่นใหม่ชาวเย้าอีกด้วย ถึงแม้เส้นทางการทำธุรกิจสตาร์ทอัพลำบากมากแต่เราเชื่อมั่นว่า พวกเขาจะทำได้เนื่องจากกล้าคิดกล้าทำและใช้ศักยภาพที่มีอยู่เพื่อมีส่วนร่วมพัฒนาบ้านเกิด”./.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด