10 ปีของความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ – เวียดนามและไทยผลักดันความร่วมมือเพื่อการขยายตัวเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน

(VOVWORLD) - ผู้สื่อข่าวของวีโอวีได้มีโอกาสสัมภาษณ์นาย นิกรเดช พลางกูร เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงฮานอย ในโอกาสครบรอบ 10 ปีความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างสองประเทศ

ผู้สื่อข่าวของวีโอวี: ขอให้ท่านทูตประเมินผลความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ระหว่างสองประเทศในตลอด 10 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่การยกระดับความสัมพันธ์ให้เป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์

นายนิกรเดช พลางกูร เอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย: เราเริ่มเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์กันตั้งแต่ปี 2013 หลังจากนั้นอีก 6 ปี เราได้ยกระดับการเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่เข้มแข็ง การเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างไทยกับเวียดนามถือว่า มีความสำคัญเชิงสัญลักษณ์อย่างมากเพราะว่า เราเป็นประเทศอาเซียนคู่แรกที่ทำความตกลงเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ การเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่เข้มแข็ง เราเป็นประเทศคู่เดียว ณ ปัจจุบัน ก็ยังมีสถานภาพนั้นอยู่ ปีนี้ก็เป็นปีที่ครบรอบ 10 ปีที่เราจะเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างกัน ถ้าให้ผมประเมิน เรามองในหลายด้าน ด้านการเมือง เราก็มีความใกล้ชิด แน่นแฟ้นและมีการเยือน  การพบปะกันในระดับต่างๆผ่านกลไกต่างๆที่เรามีระหว่างกัน เช่น กลไกคณะรัฐมนตรีร่วม JCR  การประชุมระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ  นอกจากนี้ ก็ยังมีการหารือระหว่างปลัดกระทรวงการต่างประเทศ   ในด้านเศรษฐกิจ   ไทยและเวียดนามมีความโดดเด่นตรงที่เราเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ในอาเซียน มันก็สะท้อนการเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่สำคัญ  ในส่วนการลงทุน ไทยเป็นนักลงทุนอันดับ 9 ในเวียดนาม ก็เรียกว่า เราเป็น Top 10 มาสักพักหนึ่งแล้ว ผมก็มองว่า เราน่าจะก้าวขึ้นไปสู่นักลงทุนอันดับ 1 ใน 5 Top 5 ได้ในไม่ช้านี้เพราะว่า การค้าระหว่างไทยกับเวียดนามกำลังโตขึ้นเรื่อยๆ        เรื่องการลงทุนเรื่องใหญ่ตอนนี้สำหรับประเทศไทยก็คือการที่ตั้งแต่เวียดนามประกาศนโยบาย net zero ภายในปี 2050 ที่ COP 26 ดังนั้น ทำให้นโยบายต่างๆของเวียดนามตอนนี้เอื้อต่อการลงทุนที่เป็นการลงทุนสีเขียว มันสอดคล้องกับนโยบาย BCG (Bio-Circular-Green Economy)ของไทย  ในด้านสังคม วัฒนธรรม และpeople to people ความใกล้ชิดระหว่างประชาชน ผมมองว่า การเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่เข้มแข็งยิ่งสร้างความใกล้ชิดระหว่างประชาชน ซึ่งใกล้ชิดกันอยู่แล้ว   ผมคิดว่า การเดินทางระหว่างไทยกับเวียดนามในแง่การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม การไปมาหาสู่กัน ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวจะเพิ่มมากขึ้น

10 ปีของความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ – เวียดนามและไทยผลักดันความร่วมมือเพื่อการขยายตัวเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน - ảnh 1ผู้สื่อข่าวของวีโอวีได้มีโอกาสสัมภาษณ์นาย นิกรเดช พลางกูร เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงฮานอย

ผู้สื่อข่าวของวีโอวี:  สำหรับแผนปฏิบัติการเพื่อดำเนินความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่เข้มแข็งระหว่างไทย - เวียดนาม ระยะปี 2022-2027 ทางรัฐบาลไทยจะมีแผนร่วมมือกับเวียดนามอย่างไรในการดำเนินการ

นายนิกรเดช พลางกูร เอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย: เราจะยังคงสนับสนุนให้มีการหารือและการพบปะระหว่างผู้นำด้านการเมือง ผู้นำรัฐสภา ผู้นำพรรคมากยิ่งขึ้น ทางด้านการเมือง เราก็จะผลักดันให้มีการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมครั้งที่ 4 ที่เวียดนาม   เช่นเดียวกันกับการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เช่นเดียวกันกับการประชุมระดับปลัดกระทรวง ในปีนี้ รัฐบาลทั้งสองฝ่ายมีแผนที่จะผลักดันการลงนาม MOU ระหว่างเวียดนาม Coast Guard กับหน่วยงานด้านความมั่นคงทางทะเล หรือ เรียกว่า ศรชล ของไทยที่จะมีความร่วมมือกัน เราตั้งเป้าไว้ว่า จะมีการโอนตัวนักโทษ ซึ่งมีความตกลงอยู่แล้ว ได้ลงนามกันไปนานแล้ว แต่น่าจะมีการโอนตัวนักโทษคนไทยคนแรกกลับไปที่เมืองไทยในปีนี้ อันนี้ก็เป็น plan เอาไว้ ส่วนในด้านเศรษฐกิจก็คือการทำอย่างไรให้เราบรรลุเป้า 25 พันล้านดอลลาร์หสรัฐ อันนี้ก็มาจาก การค้าชายแดน การค้าทางบก ทางทะเล ทางอากาศ ทุกด้านเลย ตั้งแต่ผลไม้ไปยังชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ก็คือทุกอย่าง  สถานเอกอัครราชทูตจะทำงานร่วมกับทางหอการค้าและอุตสาหกรรมไทย Thai Chamber of commerce and industry อย่างใกล้ชิดเพื่อผลักดันให้ตัวเลขการค้าระหว่างเราไปถึง 25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ถ้าเป็นไปได้ ก่อนปี 2025 ก็ยิ่งดี  เช่นเดียวกันกับการลงทุน เราก็มาลงทุนในเกือบจะทุกเรื่องในเวียดนาม เรามีนักลงทุนกลุ่มใหญ่ๆที่ท่านก็ทราบอยู่แล้ว ด้านพลังงาน ทุกบริษัทไทย บริษัทใหญ่อยู่ที่เวียดนามแล้วตอนนี้   นอกจากสนับสนุนให้นักลงทุนไทยมาเวียดนาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคการลงทุนที่เกี่ยวกับพลังงานสีเขียว ครั้งนี้ ตอนที่ท่านนายกรัฐมนตรีพบกับท่านประธานประเทศ เหงวียนซวนฟุกก็ได้มีการพูดว่า จะให้มีการสนับสนุนให้นักลงทุนเวียดนามไปที่ไทยด้วย ซึ่งทางสถานทูตเองก็จะพิจารณาเหมือนกิจกรรมนำนักธุรกิจเวียดนามไปดูลู่ทางการลงทุนในไทยในปีนี้ ในส่วนของภาคความใกล้ชิดระหว่างประชาชน ในการไปเยือนคราวที่แล้ว ได้มีการลงนามความตกลงบ้านพี่เมืองน้องระหว่างดานังกับขอนแก่น เรามีบ้านพี่เมืองน้อง 15 คู่คือ 30 จังหวัด ดังนั้น เราก็จะสร้างความเชื่อมโยงบนพื้นฐานของการมีบ้านพี่เมืองน้องให้มากยิ่งขึ้นและประกอบกับโครงการต่างๆที่สถานเอกอัครราชทูตมีอยู่ ไม่ว่าจะเป็น youth exchange programme การนำเยาวชนไปพบปะกัน ก็จะต่อยอดจากปีที่แล้ว เรามีโครงการอีกโครงการที่เรียกว่า  Emerging leader คือเชิญผู้นำที่ยังอายุน้อยของเวียดนามไปเยือนเมืองไทย ซึ่งเป็นโครงการที่ทำทุกปี ปีนี้ก็จะทำอีกเช่นกัน สุดท้ายก็คือเรื่องการจัดงานที่ผมเรียน Thailand Philharmonic Orchestra ของมหาวิทยาลัยมหิดลมาเล่นเพื่อสร้างความตระหนักรู้ว่า จริงๆ การจัดงานนี้ ผมกำลังคุยกับกระทรวงวัฒนธรรมอยู่จะเป็นการเล่นดนตรี หรือมีการแสดงร่วมระหว่างศิลปินไทยกับเวียดนามในการแสดงดังกล่าวด้วย

10 ปีของความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ – เวียดนามและไทยผลักดันความร่วมมือเพื่อการขยายตัวเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน - ảnh 2คุณ ฝ่ามมิงเหงวียด หัวหน้าหน่วยอาเซียน 2 ส่วนกระจายเสียงต่างประเทศของสถานีวิทยุเวียดนามมอบของที่ระลึกให้แก่นาย นิกรเดช พลางกูร เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงฮานอย

ผู้สื่อข่าวของวีโอวี:  ท่านมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับศักยภาพการขยายตัวทางเศรษฐกิจเวียดนามในปี 2023

นายนิกรเดช พลางกูร เอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย: ก่อนที่จะพูดถึงปีนี้  ต้องขอชื่นชมว่า รัฐบาลเวียดนามทำได้ดีมากในปีที่แล้วท่ามกลางวิกฤตโควิด ในขณะที่โลกประสบความชะงักงันทางเศรษฐกิจ เวียดนามก็ยังสามารถโตไปได้ มีจีดีพีที่โตได้ประมาณเกือบ 8 % ดังนั้น ผมมองว่า ในยุคนี้ ปีนี้ที่ทั้งสองประเทศกำลังอยู่ในช่วงการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังภาวะโควิด ผมคิดว่า ทั้งสองประเทศอยู่ในภาวะที่พร้อมที่จะโตด้วยกัน ผมเชื่อว่าปีนี้ ดูจากศักยภาพของเวียดนามในช่วงไตรมาสสุดท้ายปีที่แล้ว คิดว่า เวียดนามคงจะโตขึ้นมาก เช่นเดียวกันกับไทย ซึ่งก็เปิดประเทศเต็มที่ประกอบกับ 10 ปีของความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ เราจะจัดกิจกรรมต่างๆมากมายร่วมกัน ดังนั้น ผมเชื่อว่า เราจะมีความสำเร็จในทางเศรษฐกิจทั้งด้านการค้าและการลงทุนไปด้วยดี ของเวียดนาม ผมดูจากตัวเลขที่ทางธนาคารโลกวางเป้าไว้ก็สูงมาก ดังนั้น ผมเชื่อมั่นว่า  เวียดนามจะทำได้อย่างน้อยที่สุดก็เท่ากับสิ่งที่ธนาคารโลกวางไว้หรือดีกว่านั้น ก็มองว่า น่าจะมีภาพในเชิงบวกแน่ๆในปีหน้า   แน่นอน เราก็จะมุ่งหน้าสู่เป้า 25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐหรือมากกว่านั้นในปี 2025 ตามเป้า 

ผู้สื่อข่าวของวีโอวี: ขอบคุณท่านเอกอัครราชทูตเป็นอย่างสูง./.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด