(VOVWORLD) - ด้วยความได้เปรียบในการเป็นประเทศมรสุมเขตร้อนในเอเชีย เวียดนามจึงมีศักยภาพในการพัฒนาพลังงานลม ซึ่งรัฐบาลเวียดนามกำลังกำหนดแนวทางการบริหารและใช้ประโยชน์ มีบทบาทสำคัญในการดำเนินการตามพันธกรณีของเวียดนามเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและส่งเสริมเศรษฐกิจที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในอนาคต
สนามกังหันลมในจังหวัดบั๊กเลียว
|
เมื่อวันที่ 18 เมษายน กรมอุตุนิยมวิทยาเวียดนาม สำนักงานตัวแทนของสหประชาชาติประจำเวียดนามหรือ UNDP และสถานทูตนอร์เวย์ประจำเวียดนามได้เผยแพร่รายงาน ที่ยืนยันว่า ศักยภาพพลังงานลมนอกชายฝั่งของเวียดนามอยู่ในระดับสูง โดยอยู่ที่กว่า 1,000 กิกะวัตต์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าการประเมินครั้งก่อนๆ ของธนาคารโลก โดยพื้นที่ที่มีศักยภาพที่โดดเด่นที่สุดคือบากเลียว –ก่าเมา และนิงถ่วน – บิ่งถ่วน ที่น่าสนใจคือ รายงานยังวิเคราะห์รายละเอียดเกี่ยวกับความผันผวนตามฤดูกาล โดยระบุช่วง “เวลาทอง” ของการผลิตพลังงานลมนอกชายฝั่งอย่างชัดเจน
รายงานนี้เป็นเครื่องมือกำหนดแนวทางที่เป็นรูปธรรมเพื่อให้เวียดนามพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานลมและดึงดูดการลงทุน โดยเฉพาะในสภาวการณ์ที่แผนการดำเนินการวางผังพัฒนาไฟฟ้าแห่งชาติในช่วงปี 2021-2030 วิสัยทัศน์ถึงปี 2050 หรือการวางผังไฟฟ้าหมายเลข 8 เพิ่งได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการ ซึ่งสร้างพื้นฐานเพื่อเปิดพื้นที่การพัฒนาใหม่สำหรับอุตสาหกรรมพลังงานของเวียดนามตามแนวทางที่ยั่งยืนและเท่าเทียมกัน ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจสีเขียว นาย Jacques-Etienne Michel ผู้อำนวยการกลุ่มบริษัทพลังงาน Equinor เคยยืนยันถึงบทบาทของพลังงานลมนอกชายฝั่งต่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในเวียดนาม
“เวียดนามจะไม่สามารถดำเนินการเปลี่ยนผ่านพลังงานให้ประสบความสำเร็จได้ถ้าหากไม่พัฒนาพลังงานลมนอกชายฝั่ง เวียดนามมีแนวชายฝั่งที่ยาวและมีแหล่งพลังงานหมุนเวียนมากที่สุดและมีศักยภาพมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่เราจำเป็นต้องเข้าใจสภาพแวดล้อมทางทะเลและวิธีการบริหารเป็นอย่างดี”
นาย Jacques-Etienne Michel ผู้อำนวยการกลุ่มบริษัทพลังงาน Equinor (Equinor) |
จากการกำหนดการพัฒนาพลังงานลมนอกชายฝั่งคือกระบวนการที่ยาวนานซึ่งต้องมีการเตรียมการทั้งด้านบุคลากรและโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะทางกฎหมาย เวียดนามจึงได้จัดทำแผนการของกระบวนการนี้ กฎหมายไฟฟ้าฉบับแก้ไขได้รับการอนุมัติเมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งกำหนดกลไกต่างๆ เช่น สัญญา BOT คือการก่อสร้าง - ดำเนินการ – ถ่ายโอนโครงการพลังงานลมนอกชายฝั่งได้เปิดโอกาสให้แก่นักลงทุนทั้งภายในและต่างประเทศ นาย ยือวันตว๊าน ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานหมุนเวียนจากสถาบันวิจัยทะเลและเกาะแก่งของกระทรวงการเกษตรและสิ่งแวดล้อมแสดงความเห็นว่า
“ในกฎหมายไฟฟ้ามีบรรพหนึ่งเกี่ยวกับพลังงานลมนอกชายฝั่ง โดยมีข้อกำหนดที่เป็นรูปธรรมมากขึ้นสำหรับพลังงานลมนอกชายฝั่งเพื่อเป้าหมายผลิตไฟฟ้าให้ได้ประมาณ 110GW ภายในปี 2050 เพื่อมีส่วนร่วมประมาณ 1 ใน 3 ของการจัดสรรไฟฟ้าให้แก่กิจกรรมทางเศรษฐกิจของเวียดนาม ต้องมีผลทางนิตินัยที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้นเพื่อค้ำประกันแหล่งเงินลงทุนของนักลงทุนและความมั่นใจในการลงทุนในช่วง 20-30 ปี เพราะถ้าหากเป็นวิสัยทัศน์ในระยะสั้นก็คงเป็นเรื่องยากในการพัฒนาโครงการพลังงานลมนอกชายฝั่ง”
นาย ยือวันตว๊าน ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานหมุนเวียนจากสถาบันวิจัยทะเลและเกาะแก่งของกระทรวงการเกษตรและสิ่งแวดล้อม (quochoi.vn) |
นอกจากการแก้ไขกฎหมายแล้ว เวียดนามยังให้ความสำคัญต่อการลงทุนด้านทรัพยากรมนุษย์ โดยกระทรวง หน่วยงานและท้องถิ่นได้ร่วมมือระหว่างประเทศอย่างแข็งขันเพื่อฝึกอบรมและแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานและนโยบายเพื่อส่งเสริมการพัฒนาศูนย์อุตสาหกรรมพลังงานลมนอกชายฝั่ง นครไฮฟองยังเป็นเมืองเดินหน้าในด้านนี้ นาย เหงวียนวันแถ่ง อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพาณิชย์และอุตสาหกรรมเมืองไฮฟองเผยว่า
“การฝึกอบรมช่วยให้องค์ความรู้ของสถานประกอบการเวียดนามค่อยๆ เข้าใกล้ระดับนานาชาติ ควบคู่กันนั้น ด้วยการวางผังพัฒนาพลังงานลมนอกชายฝั่งซึ่งกำหนดให้สถานประกอบการและหน่วยงานสำรวจพลังงานลมคือตัวชี้วัดในเชิงบวกต่อการพัฒนาพลังงานลมในท้องถิ่นในอนาคต”
ปัจจุบัน จังหวัดบิ่งดิ่งกำลังดำเนินการตามขั้นตอนสุดท้ายเพื่อให้กลุ่มบริษัท PNE ของเยอรมนีปรับใช้โครงการพลังงานลมนอกชายฝั่งห่อนโจว์โดยเร็วด้วยกำลังการผลิตประมาณ 2,000MW ใช้เงินลงทุน 4.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โครงการนี้แบ่งเป็น 3 ระยะ แต่ละระยะใช้เงินลงทุนกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คาดว่า จะเริ่มดำเนินการได้ในปี 2030 ซึ่งเมื่อโครงการเริ่มดำเนินการ คาดว่าจะจัดสรรไฟฟ้าให้แก่ครัวเรือนประมาณ 3.5 ล้านครัวเรือน ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 130 ล้านตันภายในเวลา 35 ปี นาย โห่ก๊วยหยุง เลขาธิการพรรคสาขาจังหวัดบิ่งดิ่งเผยว่า
“นี่คือโครงการแรกของกลุ่มบริษัท PNE ที่ดำเนินการในเวียดนาม ทางการจังหวัดบิ่งดิ่งให้คำมั่นที่จะสนับสนุนและเดินพร้อมกับกลุ่มบริษัท PNE ในการดำเนินโครงการต่อไป และพร้อมที่จะสร้างเงื่อนไขเพื่อส่งเสริมโครงการนี้ให้ประสบความสำเร็จ”
ด้วยกระบวนการที่เป็นรูปธรรม เวียดนามกำลังกำหนดรูปแบบอุตสาหกรรมพลังงานลมนอกชายฝั่งเพื่อมีส่วนร่วมปฏิบัติตามคำมั่น Net Zero ภายในปี 2050 และยกระดับตำแหน่งด้านพลังงานหมุนเวียนแห่งชาติบนแผนที่โลก.