สถานประกอบการเวียดนามเป็นฝ่ายรุกในการรับโอกาสจากซีพีทีพีพี

(VOVWORLD) -ข้อตกลงหุ้นส่วนในทุกด้านและก้าวหน้าข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกหรือซีพีทีพีพีที่เวียดนามและ 10 ประเทศหุ้นส่วนได้ลงนาม ณ ประเทศชิลี เมื่อเร็วๆนี้ จะส่งผลกระทบเป็นอย่างมากถึงเศรษฐกิจของเวียดนาม โดยไม่เพียงแต่ช่วยขยายตลาดส่งออกเท่านั้นหากยังช่วยให้สถานประกอบการเวียดนามเป็นฝ่ายรุกในการปรับเปลี่ยนบรรยากาศการประกอบธุรกิจและแนวความคิดในการประกอบธุรกิจเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
สถานประกอบการเวียดนามเป็นฝ่ายรุกในการรับโอกาสจากซีพีทีพีพี - ảnh 1

11 ประเทศลงนามข้อตกลงซีพีทีพีพี ณ ประเทศชิลี ( Photo Doanh nhân Việt Nam)

ซีพีทีพีพีช่วยให้เวียดนามเข้าถึงตลาดการส่งออกที่มีประชากร 500 ล้านคน ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 13.5 ของจีดีพีโลก คาดว่า หน่วยงานผลิตสินค้าต่างๆของเวียดนาม เช่น อาหาร เครื่องดื่ม เสื้อผ้าสำเร็จรูปและเครื่องหนังจะมีการขยายตัวในระดับสูง ส่วนในระดับกลาง ก็มีหน่วยงานต่างๆ เช่น การผลิตอุสาหกรรมและบริการ ซีพีทีพีพียังเป็นโอกาสดีเพื่อให้สถานประกอบการเวียดนามเข้าร่วมห่วงโซ่อุปทานภูมิภาคและโลก พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้สถานประกอบการเวียดนามเรียนรู้ประสบการณ์และประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยจากต่างประเทศ แต่อย่างไรก็ตาม ตามความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจ ซีพีทีพีพีจะมีทั้งโอกาสและความท้าทาย ซึ่งจะเอื้อประโยชน์ให้แก่สถานประกอบการที่สามารถปรับตัวอย่างเป็นฝ่ายรุกเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศการประกอบธุรกิจในกระบวนการผสมผสานเข้ากับกระแสเศรษฐกิจโลก ดังนั้นสถานประกอบการต้องจัดทำและปรับปรุงแผนการประกอบธุรกิจในระยะกลางและระยะยาวเพื่อผลักดันการส่งออกสินค้าไปยังตลาดของหุ้นส่วนที่มีศักยภาพ ยกตัวอย่างเช่น การส่งออกไม้ของเวียดนามกำลังอยู่อันดับที่ 5 ของโลกแต่หลังการลงนามซีพีทีพีพี มูลค่าการส่งออกไม้จะสูงกว่าตัวเลข 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเนื่องจากถูกเก็บภาษีในระดับต่ำและราคาที่สามารถแข่งขันได้ ในช่วงก่อน การส่งออกไม้ของเวียดนามถูกเก็บภาษีนำเข้าในระดับสูง คือประมาณร้อยละ 12 ดังนั้นมูลค่าการส่งออกไม้ของเวียดนามอาจจะเพิ่มขึ้น 2-3 เท่าหลังจากที่เข้าร่วมข้อตกลงฉบับนี้

จากการตระหนักได้ดีเกี่ยวกับผลประโยชน์นี้ สถานประกอบการแปรรูปไม้เวียดนามได้เป็นฝ่ายรุกในการใช้โอกาส โดยไม่เพียงแต่เข้าร่วมงานแสดงสินค้าเครื่องเฟอร์นิเจอร์ระดับโลกเท่านั้น หากยังพยายามเข้าถึงคู่ค้าจากประเทศต่างๆในภูมิภาค เป็นฝ่ายรุกในการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ มีความคล่องตัวและกำหนดราคาให้เหมาะสมกับตลาดของแต่ละประเทศเพื่อส่งเสริมการส่งออก นางดิงถิเฮืองงา ผู้อำนวยการบริษัท Nga Fine Arts เผยว่า          “การเข้าเป็นสมาชิกของซีพีทีพีพีได้ช่วยให้โลกให้ความสนใจมากขึ้นต่อตลาดเวียดนามเพราะเรามีชื่อเสียงเกี่ยวกับฝีมือแรงงานและราคาที่ย่อมเยา ปัจจุบันเรามีประสบการณ์เกี่ยวกับการบริหาร การออกแบบใหม่และการประกอบธุรกิจกับหุ้นส่วนนานาชาติ”

การมีใบสั่งซื้อจำนวนมากและการเป็นฝ่ายรุกในด้านวัตถุดิบได้ช่วยให้สถานประกอบการเวียดนามสามารถยืนยันว่า ปี 2018 มีความเป็นไปได้สูงที่มูลค่าการส่งออกไม้และผลิตภัณฑ์จากป่าไม้ของเวียดนามจะบรรลุ 9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

สถานประกอบการเวียดนามเป็นฝ่ายรุกในการรับโอกาสจากซีพีทีพีพี - ảnh 2

นายเหงียนเตี๊ยนเจื่อง รองประธานกรรมการกลุ่มบริษัทสิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูปเวียดนาม

(­Photo baodautu.vn)

สำหรับหน่วยงานสิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูป ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ถูกตั้งความหวังว่าจะสร้างก้าวกระโดดให้แก่การส่งออกหลังจากที่เวียดนามเข้าเป็นสมาชิกของซีพีทีพีพี การเป็นฝ่ายรุกในการเปลี่ยนแปลงและปรับตัวกับตลาดขนาดใหญ่ของซีพีทีพีพีถือเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่งเนื่องจากต้องอาศัยการนำเข้าวัตถุดิบ ซึ่งถ้าหากไม่เร่งแก้ไขปัญหานี้ ก็จะทำให้ไม่เกิดการขยายตัวอย่างจริงจังและการสร้างงานทำใหม่ให้แก่แรงงาน ซีพีทีพีพีกำหนดว่า ขั้นตอนต่างๆในการผลิตของหน่วยงาน ตั้งแต่ขั้นตอนการปั่นด้าย ทอผ้า ย้อมสีและตัดเย็บเสื้อผ้าต้องได้รับการผลิตในประเทศสมาชิกของซีพีทีพีพี ส่วนวัตถุดิบที่ไม่รู้ต้นกำเนิดต้องต่ำกว่าร้อยละ 10 ซึ่งถือเป็นแรงกดดันสำหรับสถานประกอบการสิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูปเวียดนามเพราะในปัจจุบันต้องนำเข้าวัตถุดิบร้อยละ 60-65 นายเหงียนเตี๊ยนเจื่อง รองประธานกรรมการกลุ่มบริษัทสิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูปเวียดนามยืนยันว่า ต้องมียุทธศาสตร์พัฒนาแหล่งวัตถุดิบเพื่อสามารถขยายการส่งออกได้อย่างยั่งยืน    “แนวโน้มของสถานประกอบการสิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูปคือผลักดันการพัฒนาแหล่งวัตถุดิบภายในประเทศ โดยถือเป็นเป้าหมายของหน่วยงาน ส่วนการส่งออกจะให้ความสำคัญถึงมูลค่าเพิ่มและการผลิตวัตถุดิบ ส่วนหลักการ “ต้องมีต้นกำเนิดตั้งแต่เส้นด้าย” จะเป็นส่วนหนึ่งในยุทธศาสตร์เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสถานประกอบการสิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูป”

ควบคู่กันนั้น สถานประกอบการยังให้ความสนใจถึงการฝึกอบรม ยกระดับฝีมือของแรงงาน โดยเฉพาะในหน่วยงานสิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูป รองเท้า การแปรรูปสินค้าเกษตรและอาหารที่ปลอดสารพิษ พร้อมทั้งพยายามออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายและลดต้นทุนของสินค้าเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ผลักดันความเชื่อมโยงระหว่างสถานประกอบการเพื่อร่วมกันผลิตสินค้าที่มีขีดความสามารถในการแข่งขัน.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด