สร้างเครื่องหมายการค้าเพื่อเพิ่มมูลค่าของกาแฟเวียดนาม

(VOVWORLD) - เมื่อวันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา ณ นครโฮจิมินห์ หนังสือพิมพ์ Người Lao động ได้จัดการสัมมนาภายใต้หัวข้อ “เพิ่มมูลค่าของกาแฟเวียดนามอย่างไร” โดยมีสถานประกอบการที่ประกอบธุรกิจด้านกาแฟหลายแห่งเข้าร่วมเพื่อแสวงหามาตรการสร้างสรรค์ พัฒนาเครื่องหมายการค้าและช่วยเพิ่มมูลค่าให้แก่กาแฟเวียดนาม
สร้างเครื่องหมายการค้าเพื่อเพิ่มมูลค่าของกาแฟเวียดนาม - ảnh 1นาย ดิงหวิงเกื่อง หัวหน้าสโมสรเชื่อมโยงนักธุรกิจเวียดนาม-นานาชาติ (VNA)

 

ปัจจุบัน เวียดนามเป็นประเทศที่ส่งออกกาแฟมาเป็นอันดับที่ 2 ของโลก โดยปริมาณการส่งออกกาแฟเมื่อปีที่แล้วบรรลุ 1.7 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ กาแฟเวียดนามได้จำหน่ายในตลาดสำคัญหลายแห่งทั่วโลก และกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมในหลายประเทศ แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีแบรนด์กาแฟเวียดนามใดที่ติดอยู่ในรายชื่อ 10 แบรนด์กาแฟที่แพงที่สุดในโลก ดังนั้นในการสัมมนา บรรดาผู้แทนได้ย้ำถึงความจำเป็นที่ต้องมีมาตรการที่มีประสิทธิภาพเพื่อสร้างสรรค์เครื่องหมายการค้ากาแฟเวียดนาม นาย ดิงหวิงเกื่อง หัวหน้าสโมสรเชื่อมโยงนักธุรกิจเวียดนาม-นานาชาติได้แสดงความเห็นว่า สถานประกอบการต้องร่วมมือกับเกษตรกรเพื่อเชื่อมโยงห่วงโซ่คุณค่าตั้งแต่ผู้ผลิตไปจนถึงขั้นตอนสุดท้าย เพื่อพัฒนาและเพิ่มมูลค่าของกาแฟเวียดนามต้องเน้นลงทุนให้แก่การผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด โดยเฉพาะตลาดที่มีมาตรฐานที่เข้มงวด อีกทั้งต้องลงทุนสร้างแบรนด์กาแฟเวียดนามเพราะปัจจุบัน มีบริษัทไม่กี่แห่งที่ให้ความสนใจสร้างเครื่องหมายการค้ากาแฟเพื่อส่งออกไปทั่วโลก นาย ดิงหวิงเกื่อง วิเคราะห์ว่า “เราต้องมีหน่วยงานเพื่อสร้างแบรนด์กาแฟเวียดนาม เมื่อมีการพัฒนาแบรนด์กาแฟได้ดีมูลค่าของกาแฟก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เรามีพื้นที่ปลูกกาแฟหลายแห่ง ดังนั้น เราต้องมีแบรนด์ระดับภูมิภาคที่มีความผูกพันกับสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ เราสร้างแบรนด์ที่มีความผูกพันกับสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์เมื่อส่งออกก็จะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้”

ตามรายงานของสมาพันธ์กาแฟ-โกโก้เวียดนาม เวียดนามมีพื้นที่ปลูกกาแฟทั้งหมดประมาณ 710,000 เฮกตาร์ ซึ่งพื้นที่ที่สามารถเก็บเกี่ยวผลกาแฟได้อยู่ที่ประมาณ 650,000 เฮกตาร์ แต่อย่างไรก็ตาม พื้นที่ปลูกกาแฟยังคงกระจัดกระจาย ไม่มีการวางแผนสำหรับพื้นที่ปลูกกาแฟอันกว้างใหญ่ในเขตที่ราบสูงเตยเงวียนเพื่อตอบสนองมาตรฐานด้านการส่งออก ดังนั้น ผู้แทนหลายคนได้แสดงความเห็นว่า สำนักงานที่เกี่ยวข้องและท้องถิ่นต่างๆต้องวางแผนพื้นที่ปลูกกาแฟขนาดใหญ่โดยเร็ว อีกทั้ง สร้างความเชื่อมโยงที่ใกล้ชิดระหว่างการคัดเลือก การใช้พันธุ์ที่ดี การบริโภคผลิตภัณฑ์กับการสร้างเครื่องหมายการค้า นาง กาวซวนทูเวิน อุปนายกสมาคมเกษตรกรเวียดนามย้ำว่า ต้องปรับการผลิตอีกครั้งตามแนวทางแห่งความร่วมมือและการจัดตั้งสมาคมอุตสาหกรรมต่างๆ เกษตรกรต้องมุ่งสู่การลงทุนในระยะยาวซึ่งต้องยอมขาดทุนก่อนแล้วจะได้กำไรในภายหลัง สำนักงานที่เกี่ยวข้องเดินพร้อมกับเกษตรกรในการพัฒนาพื้นที่ปลูกกาแฟ ในขณะเดียวกัน  นาย ดว่าน หงอก ก๊อ รองผู้อำนวยการสำนักงานการเกษตรและพัฒนาชนบทจังหวัดยาลายได้แสดงความเห็นว่า เพื่อเพิ่มมูลค่าให้แก่กาแฟต้องปฏิบัติขั้นตอนแบบครบวงจรตั้งแต่การผลิตไปจนถึงการจำหน่าย โดยก่อนอื่นต้องลดต้นทุน เช่น ต้นกล้า วัสดุการเกษตร ปุ๋ย เพิ่มผลผลิตและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ อีกทั้ง จำกัดการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชตามแนวทางเปลี่ยนมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์เพื่อไม่ให้มีสารเคมีตกค้างในผลิตภัณฑ์และส่งเสริมการใช้เครื่องจักรในการปลูกกาแฟ นาย ดว่าน หงอก ก๊อ มีข้อเสนอว่า

“เราต้องเน้นผลิตกาแฟให้ได้มาตรฐานกาแฟสะอาดตามความต้องการของตลาด ถ้าหากเรายังผลิตตามมาตรฐานเดิมและไม่เป็นไปตามข้อกำหนด ผลิตภัณฑ์ของเราจะไม่สามารถจำหน่ายได้ ดังนั้น เราต้องเร่งแก้ไขปัญหานี้”

สร้างเครื่องหมายการค้าเพื่อเพิ่มมูลค่าของกาแฟเวียดนาม - ảnh 2นาย ดว่าน หงอก ก๊อ รองผู้อำนวยการสำนักงานการเกษตรและพัฒนาชนบทจังหวัดยาลาย (baodantoc.vn)

ส่วนนาย เลมิงฮวาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเกษตรและพัฒนาชนบทได้แสดงความเห็นว่า การเพิ่มมูลค่ากาแฟไม่เพียงแต่มาจากการแปรรูปที่ดีเท่านั้น หากยังต้องสร้างมูลค่าเพิ่มจากต้นกาแฟอีกด้วย เช่น ดอกกาแฟ เปลือกกาแฟและกากกาแฟ เป็นต้น พร้อมทั้ง ย้ำว่า เพื่อเพิ่มมูลค่าของกาแฟเวียดนามต้องกำหนดผลิตภัณฑ์ แนวโน้มและความต้องการของผู้บริโภคในตลาดอีกครั้ง

“เรากำลังปรับปรุงผลิตภัณฑ์กาแฟสำหรับการส่งออก หลายประเทศได้ผลิตผลิตภัณฑ์มากมายจากต้นกาแฟในขณะที่เรายังไม่ได้ผลิตตามแนวทางนี้  เรายังมีพื้นที่อันกว้างใหญ่เพื่อสร้างภาพลักษณ์และมูลค่าของต้นกาแฟ ซึ่งเรายังไม่ได้ใช้ประโยชน์จากพื้นที่นี้อย่างเต็มที่”

ปัจจุบัน อุตสาหกรรมกาแฟมีส่วนร่วมประมาณร้อยละ 3 ต่อจีดีพี สร้างงานทำและรายได้ที่มั่นคงให้แก่ครอบครัวเกษตรกรกว่า 600,000 ครอบครัวในเวียดนาม บรรดาผู้เชี่ยวชาญและชุมชนสถานประกอบการด้านกาแฟเชื่อมั่นว่า การสร้างและพัฒนาแบรนด์กาแฟที่ดีจะช่วยให้อุตสาหกรรมนี้มีส่วนร่วมที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นต่อทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด