อีวีเอฟทีเอส่งผลดีต่อการส่งออกสัตว์น้ำของเวียดนาม

(VOVWORLD) -วันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา ครบรอบ 1 ปีที่ข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างเวียดนามกับอียูหรืออีวีเอฟทีเอมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ ในตลอด 1 ปีที่ผ่านมา หน่วยงานต่างๆของเศรษฐกิจเวียดนามสามารถใช้โอกาสจากข้อตกลงฉบับนี้ได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะภาคการส่งออกสัตว์น้ำ
อีวีเอฟทีเอส่งผลดีต่อการส่งออกสัตว์น้ำของเวียดนาม - ảnh 1(VASEP)

ตามข้อมูลสถิติของสมาพันธ์แปรรูปและส่งออกสัตว์น้ำเวียดนามหรือ VASEP ใน 6 เดือนแรกของปี 2021 การส่งออกสัตว์น้ำไปยังตลาดอียูได้บรรลุกว่า 486 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2020 ซึ่งในนั้นการส่งออกผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 24 บรรลุมูลค่า 154 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การส่งออกสัตว์น้ำที่เพาะเลี้ยงเพิ่มขึ้นร้อยละ 18 สร้างมูลค่า 333 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งช่วยให้อียูกลายเป็นตลาดนำเข้าสัตว์น้ำรายใหญ่อันดับที่ 4 ของเวียดนาม รองจากสหรัฐฯ ญี่ปุ่นและจีน ครองส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 11 นาย เลืองหว่างท้าย อธิบดีกรมการค้าพหุภาคีสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์ให้ข้อสังเกตว่า สัตว์น้ำคือหนึ่งในสินค้าที่ได้ใช้โอกาสจากข้อตกลงอีวีเอฟทีเอได้อย่างเต็มที่ "สัตว์น้ำคืออุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มสูงมากและเป็นหน่วยงานที่ช่วยให้เราสามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างการส่งออก ใน 6 เดือนแรกของปีแรกที่เราบังคับใช้ข้อตกลงอีวีเอฟทีเอ อุตสาหกรรมสัตว์น้ำสามารถใช้โอกาสนี้ได้เป็นอย่างดี ซึ่งช่วยเพิ่มมูลค่าการส่งออกของเวียดนามไปยังตลาดอียูถึงร้อยละ 70 นี่เป็นตัวเลขที่สูงมากเมื่อเทียบกับข้อตกลงฉบับอื่นๆ"

ส่วนคุณ เหงียนหว่ายนาม รองเลขาธิการ VASEP ย้ำว่า ในสภาวการณ์ที่เรายังไม่สามารถยกเลิกใบเหลือง IUU ของยุโรปได้บวกกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 การที่เรายังสามารถเพิ่มมูลค่าการส่งออกสัตว์น้ำไปยังตลาดยุโรปก็เพราะใช้โอกาสจากข้อตกลงอีวีเอฟทีเอได้อย่างเต็มที่ ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า อีวีเอฟทีเอได้ส่งผลดีต่อการส่งออกสัตว์น้ำ นายเหงียนหว่ายนาม แสดงความคิดเห็นว่า “เราได้รับผลดีจากข้อตกลงอีวีเอฟทีเอ เพราะสินค้าหลักของเวียดนาม เช่น ปลาหมึก กุ้งและปลาทูน่าส่วนใหญ่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีร้อยละ 0 นับตั้งแต่ที่ข้อตกลงนี้มีผลบังคับใช้ ถือเป็นมาตรการแก้ไขให้แก่เวียดนามในสภาวการณ์ที่เราได้รับความยากลำบากจากใบเหลืองของยุโรปและการแพร่ระบาดอย่างซับซ้อนของโรคโควิด – 19

เมื่ออธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลดีที่ได้รับจากข้อตกลงอีวีเอฟทีเอในการส่งออกสัตว์น้ำ นาย เหงียนหว่ายนาม ได้ยืนยันว่า ข้อตกลงนี้ได้ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่อุตสาหกรรมการส่งออกสัตว์น้ำเวียดนามต่อประเทศคู่แข่ง แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อได้รับความได้เปรียบดังกล่าว ในหลายปีที่ผ่านมา เวียดนามก็ต้องพยายามเป็นอย่างมากเพื่อเตรียมความพร้อมให้แก่การผสมผสานเข้ากับกระแสโลก นายนามยืนยันว่า “อุตสาหกรรมสัตว์น้ำของเวียดนามเริ่มเข้าร่วมตลาดโลกตั้งแต่ช่วงปี 1998 - 1999 โดยได้รับการสนับสนุนจากเดนมาร์กและมีการลงทุนอย่างเป็นมืออาชีพ ซึ่งช่วยให้อุตสาหกรรมสัตว์น้ำของเวียดนามติด “รายชื่อที่ 1” ที่ได้รับอนุญาตส่งออกไปยังยุโรปนับตั้งแต่ปี 1999 นับตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน จำนวนสถานประกอบการเวียดนามที่สามารถส่งออกไปยังตลาดยุโรปก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยตอนแรกมีโรงงานแค่ 19 แห่ง แต่เดี๋ยวนี้มีโรงงานกว่า 600 แห่งแล้ว นี่คือความพยายามในระยะยาวซึ่งช่วยให้สถานประกอบการสัตว์น้ำเวียดนามมีพื้นฐานที่มั่นคงเมื่อเข้าร่วมข้อตกลงอีวีเอฟทีเอในวันนี้

ด้วยพื้นฐานที่มั่นคงที่ชมรมสถานประกอบการส่งออกสัตว์น้ำเวียดนามสามารถสร้างสรรค์แล้วและความได้เปรียบจากข้อตกลงอีวีเอฟทีเอ ศักยภาพในการส่งออกสัตว์น้ำของเวียดนามไปยังตลาดอียูยังสูงมาก ซึ่งช่วยเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจ เป็นการยืนยันชื่อเสียงและสถานะของสัตว์น้ำเวียดนามเพื่อให้สินค้าชนิดนี้นับวันสามารถเจาะตลาดต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด