ข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก โอกาสและความท้าทาย-ปฏิบัติการของเวียดนาม
Hồng Vân-VOV5 -  
(VOVworld) – การที่เวียดนามและ 11 ประเทศได้ลงนามข้อตกลงทีพีพีที่ ณ ประเทศนิวซีแลนด์ ไม่เพียงแต่เป็นผลของกระบวนการเจรจาที่ยาวนานถึง 5 ปีโดยถือผลประโยชน์สูงสุดของประเทศเป็นเป้าหมายเท่านั้น หากยังเป็นผลของกระบวนการเปลี่ยนแปลงใหม่มาเป็นเวลา 30 ปีของเวียดนามอีกด้วยโดยการผสมผสานเข้ากับกระแสเศรษฐกิจโลกคือหนึ่งในเนื้อหาสำคัญที่ถูกระบุอย่างเข้มแข็งในมติฉบับต่างๆของพรรค ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี เหงียนเติ๊นหยุงได้มีบทความที่พาดหัวว่า “ข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิกหรือทีพีพี โอกาสและความท้าทาย-ปฏิบัติการของพวกเรา”
(VOVworld) – การที่เวียดนามและ 11 ประเทศได้ลงนามข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิกหรือทีพีพีที่ ณ ประเทศนิวซีแลนด์ ไม่เพียงแต่เป็นผลของกระบวนการเจรจาที่ยาวนานถึง 5 ปีโดยถือผลประโยชน์สูงสุดของประเทศเป็นเป้าหมายเท่านั้น หากยังเป็นผลของกระบวนการเปลี่ยนแปลงใหม่มาเป็นเวลา 30 ปีของเวียดนามอีกด้วยโดยการผสมผสานเข้ากับกระแสเศรษฐกิจโลกคือหนึ่งในเนื้อหาสำคัญที่ถูกระบุอย่างเข้มแข็งในมติฉบับต่างๆของพรรค ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี เหงียนเติ๊นหยุงได้มีบทความที่พาดหัวว่า “ข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิกหรือทีพีพี โอกาสและความท้าทาย-ปฏิบัติการของพวกเรา”
นายกรัฐมนตรี เหงียนเติีนหยุงและประธานาธิบดีสหรัฐ บารัค โอบาม่า
|
ข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิกหรือทีพีพีมีขอบเขตเศรษฐกิจคิดเป็นร้อยละ 40 ของจีดีพีและร้อยละ 30 ของการค้าโลก นี่คือข้อตกลงการค้าเสรีฉบับใหม่ที่ได้รับการคาดหวังว่าจะกลายเป็นตัวอย่างให้แก่การพัฒนาการค้าในภูมิภาคและโลกที่มีความต้องการสูงขึ้นในสภาวการณ์ที่กำลังการผลิตได้พัฒนาอย่างรวดเร็วและการผสมผสานเข้ากับกระแสโลกมีความกว้างลึกมากขึ้น
การเข้าร่วมทีพีพีแสดงให้เห็นถึงแนวคิดที่ชัดเจนและวิสัยทัศน์แห่งยุค
นากยรัฐมนตรี เหงียนเติ๊นหยุงได้ยืนยันว่า ทีพีพีคือหนึ่งในข้อตกลงการค้าเสรีฉบับใหม่ที่มีการเข้าถึงตลาดอย่างรอบด้าน ค้ำประกันการเคลื่อนย้ายเสรีของสินค้า การบริการ เงินทุนและเทคโนโลยีในระดับที่สูงขึ้น สร้างบรรยากาศการประกอบธุรกิจที่เสมอภาค อำนวยความสะดวกให้แก่การค้าและการลงทุน ทีพีพีจะผลักดันการจัดตั้งเครือข่ายการผลิตและห่วงโซ่จัดสรรใหม่ในตลาดของ 12 ประเทศสมาชิก ผลักดันการขยายตัว ให้การช่วยเหลือเป้าหมายการสร้างงานทำ เพิ่มรายได้และปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น ข้อตกลงยังมีข้อกำหนดที่ค้ำประกันโอกาสเพื่อให้เศรษฐกิจสมาชิกที่มีระดับการพัฒนาที่แตกต่างกันและสถานประกอบการทุกขอบเขตต่างได้รับผลประโยชน์ ทีพีพีให้ความเคารพระบอบการเมืองของแต่ละประเทศ ยอมรับความต้องการที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายของแต่ละประเทศอย่างสมบูรณ์และสอดคล้องกับคำมั่นระหว่างประเทศ
ดังนั้น ตามความเห็นของนายกรัฐมนตรี ในสภาวการณ์ที่เงื่อนไขการพัฒนาของเศรษฐกิจยังอยู่ในระดับต่ำและมีอุปสรรค์มากมาย การเป็นฝ่ายรุกในการเข้าร่วมข้อตกลงการค้าเสรีฉบับใหม่ โดยเฉพาะทีพีพีเป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นทางการเมือง แนวคิดที่ชัดเจนและวิสัยทัศน์แห่งยุคของพรรคและรัฐเวียดนาม อีกทั้งเป็นการยืนยันถึงความเชื่อมั่นต่อความมุ่งมั่น ความสามารถ ความแข็งแกร่งของคนเวียดนามและประชาชาติเวียดนาม
โอกาสผูกพันกับความท้าทาย
สำหรับความสะดวก นายกรัฐมนตรี เหงียนเติ๊นหยุงได้แสดงความเห็นว่า ข้อตกลงการค้าเสรีฉบับใหม่จะสร้างพลังขับเคลื่อนใหม่ให้แก่การพัฒนาเศรษฐกิจสังคม โดยเฉพาะการดึงดูดเงินลงทุนและผลักดันการส่งออกกับเศรษฐกิจใหญ่ๆของโลก รวมทั้งอียูที่มีจีดีพีมากกว่า 1 หมื่น 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐและทีพีพีกำลังมี 12 เศรษฐกิจสมาชิก รวมจีดีพีกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ นี่คือภูมิภาคที่มีเทคโนโลยี ตลาดส่งออกและดึงดูดการลงทุนมากที่สุดของเวียดนามในหลายปีที่ผ่านมา อัตราการนำเข้าส่งออกในตลาดนี้จะทำให้ความสัมพันธ์ด้านการค้ากับประเทศต่างๆมีความสมดุลมากขึ้น คำมั่นต่างๆในข้อตกลงคือมาตรฐานเพื่อมีส่วนร่วมปรับปรุงกลไกเศรษฐกิจให้มีความทันสมัยและสมบูรณ์ ผลักดันกระบวนการปรับปรุงโครงสร้างและเปลี่ยนแปลงรูปแบบการขยายตัว การเข้าร่วมข้อตกลงฉบับนี้ยังถือเป็นก้าวเดินใหม่ในการปฏิบัติแนวทางการต่างประเทศที่เสมอต้นเสมอปลายของเวียดนาม โดยเฉพาะในภูมิภาคที่กำลังมีการแข่งขันเชิงยุทธศาสตร์ที่นับวันรุนแรงมากขึ้น
สำหรับอุปสรรค ตามความเห็นของนายกรัฐมนตรี อันดับแรกคือการแข่งขันจะเป็นไปอย่างดุเดือดทั้งในตลาดของประเทศที่เข้าร่วมข้อตกลงและตลาดภายในประเทศในสามระดับ คือผลิตภัณฑ์ สถานประกอบการและระดับชาติ โดยเฉพาะการแข่งขันเกี่ยวกับคุณภาพของกลไกและบรรยากาศการประกอบธุรกิจ ในสภาวการณ์ของแรงกดดันจากการแข่งขัน หลังจากทำการเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงองค์ประกอบการ สถานประกอบการใดไม่มีการปรับตัวกฌอาจต้องปิดตัวลง แรงงานบางส่วนอาจตกงาน ภาคการเกษตรและเกษตรกรจะได้รับการผลกระทบโดยง่าย ช่องว่างระหว่างคนจนและคนรวยจะห่างกันมากขึ้นหากเวียดนามไม่ปฏิบัติยุทธศาสตร์พัฒนาอย่างรวดเร็วและยั่งยืนอย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนั้น ความท้าทายเกี่ยวกับการปฏิบัติก็สูงมาก เช่นการปรับปรุงกฎหมายให้มีความสมบูรณ์การฝึกอบรมแหล่งบุคลากร ยกระดับความสามารถของเจ้าหน้าที่ข้าราชการ ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคและกฎหมาย เป็นต้น
นายกรัฐมนตรี เหงียนเติ๊นหยุง
|
ปฏิบัติการของเวียดนาม
เพื่อใช้โอกาสและฟันฝ่าความท้าทาย ตามความเห็นของนายกรัฐมนตรี ความต้องการที่เร่งด่วนในปัจจุบันคือต้องยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของเศรษฐกิจโดยสถานประกอบการเป็นผู้กำหนดเกี่ยวกับขีดความสามารถในการแข่งขันระดับมหภาค ต้องเป็นฝ่ายรุกในการปฏิบัติมาตรการอย่างพร้อมเพรียงและเคร่งครัดเพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้า การบริการที่ตนจัดสรรด้วยแนวคิดที่ไม่เพียงแต่จัดสรรในตลาดภายในประเทศเท่านั้น หากยังรวมถึงภูมิภาคและโลกอีกด้วยซึ่งเพื่อปฏิบัติสิ่งนี้ สถานประกอบการต้องมีปฏิบัติการในกรอบระเบียบการและบรรยากาศการประกอบธุรกิจที่เป็นรูปธรรม
เพื่อมีกลไกที่ดีและมีคุณภาพสูง รัฐต้องปฏิบัติหน้าที่สร้างสรรค์พัฒนาเป็นอย่างดี โดยเฉพาะการรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจมหภาค สร้างสรรค์ระบบกฎหมาย นโยบาย ยุทธศาสตร์ การวางแผนและจัดทำกลไกการบริหารเพื่อสร้างบรรยากาศการประกอบธุรกิจที่โปร่งใส บริสุทธิ์ ค้ำประกันสิทธิเสรีภาพในการประกอบธุรกิจและการแข่งขันที่เสมอภาค
นายกรัฐมนตรีได้ย้ำว่า บนพื้นฐานความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับปัจจัยดังกล่าว เวียดนามต้องเร่งปรับปรุงกลไก ระบบกฎหมายให้มีความสมบูรณ์เพื่อตอบสนองความต้องการของเศรษฐกิจเชิงตลาดให้มีความทันสมัยและคำมั่นในข้อตกลงเอฟทีเอ บนเจตนารมณ์แห่งการเปลี่ยนแปลงใหม่ในทุกด้าน ทั้งด้านการเมืองและเศรษฐกิจ เน้นทุกความพยายามเพื่อจัดทำ ปรับปรุงรัฐที่ปกครองด้วยอำนาจกฎหมายของประชาชน โดยประชาชนและเพื่อประชาชนและให้ความเคารพกฎหมาย ต้องเน้นสร้างสรรค์แถวขบวนเจ้าหน้าที่ข้าราชการที่มีคุณสมบัติ ความสามารถและรับใช้ประชาชนอย่างเต็มใจ ต้องผลักดันกระบวนการปรับปรุงโครงสร้าง ยกระดับประสิทธิภาพของสถานประกอบการภาครัฐ พร้อมทั้งส่งเสริมให้สถานประกอบการเวียดนามพัฒนา โดยเฉพาะสถานประกอบการภาคเอกชนเป็นพลังขับเคลื่อนยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันและเป็นฝ่ายรุกของเศรษฐกิจ
ในช่วงท้ายของบทความ นายกรัฐมนตรี เหงียนเติ๊นหยุงได้เรียกร้องให้พรรค ประชาชน กองทัพและสถานประกอบการเชิดชูความภาคภูมิใจในประชาชาติ ร่วมแรงร่วมใจฟันฝ่าอุปสรรค ความท้าทายเพื่อพยายามสร้างสรรค์ประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามที่เดินหน้าไปพร้อมกับยุคสมัยและพัฒนาให้ทัดเทียมกับประเทศต่างๆในทั่วโลก.
Hồng Vân-VOV5