วันนี้ 27 มกราคมครบรอบ 46 ปีวันลงนามข้อตกลงปารีสเกี่ยวกับการยุติสงคราม ฟื้นฟูสันติภาพในเวียดนาม ข้อตกลงฉบับนี้คือเอกสารทางนิตินัยระหว่างประเทศฉบับแรก ที่ทำให้สหรัฐต้องให้คำมั่นให้ความเคารพเอกราช อธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประชาชาติเวียดนาม ถอนทหารสหรัฐและพันธมิตรทั้งหมดออกจากภาคใต้เวียดนาม สร้างพื้นฐานให้แก่มหาชัยชนะฤดูใบไม้ผลิ 1975 ปลดปล่อยภาคใต้ รวมประเทศเป็นเอกภาพ ชัยชนะของเวียดนามในการประชุมปารีสคือผลของการผสานการต่อสู้ในทั้ง 3 แนวรบคือการทหาร การเมืองและการทูต โดยแนวรบการทูตมีบทบาทสำคัญ มีความกระตือรือร้นและเป็นฝ่ายรุก อดีตรองนายกรัฐมนตรี เหงียนแหม่งเกิ่ม ได้ประเมินว่า “การเจรจาปารีสคือผลสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของเวียดนามในหลายด้าน ซึ่งมีขึ้นในสภาวการณ์ที่โลกมีการผันผวนอย่างซับซ้อน โดยมีทั้งความสะดวกและอุปสรรค การลงนามข้อตกลงได้แสดงให้เห็นถึงการชี้นำที่เคร่งครัดของกรมการเมืองเพื่อนำไปสู่ชัยชนะ”

ข้อตกลงปารีสปี 1973 เกี่ยวกับการยุติสงคราม นำสันติภาพมาสู่เวียดนามยังเป็นนิมิตหมายสำคัญในประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเพราะมีส่วนร่วมต่อภารกิจการปลดปล่อยประเทศของประชาชนลาวและกัมพูชา  อีกทั้งเปิดศักราชใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งทำให้สหรัฐต้องถอนทหารออกจากอินโดจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แนวโน้มสันติภาพและเป็นคนกลางพัฒนาอย่างเข้มแข็งในภูมิภาคสร้างเงื่อนไขในการก่อตั้งเขตสันติภาพ มิตรภาพและเสถียรภาพ

ข้อตกลงปารีส 1973 ได้แสดงให้เห็นว่า เวียดนามสามารถเรียกการสนับสนุนจากประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยม ประเทศสมาชิกในขบวนการไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดและชาวอเมริกันที่ใฝ่สันติภาพเพื่อก่อตั้งแนวร่วมประชาชนโลกที่สนับสนุนเวียดนามต่อต้านจักรวรรดินิยมอเมริกาที่รุกราน ซึ่งสิ่งนี้ถูกสะท้อนในแนวทางผสานพลังที่เข้มแข็งของประชาชาติกับพลังแห่งยุคสมัย พลังที่เข้มแข็งของประเทศกับพลังที่เข้มแข็งของระหว่างประทเศ การผสานการทูตแห่งรัฐกับการทูตประชาชน.