ตำรวจศรีลังกาสืบสวนสถานที่เกิดเหตุ (AFP)

ในวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่สหรัฐเผยว่า มีความเป็นไปได้สูงที่กลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุระเบิดครั้งต่างๆในศรีลังกาได้รับแนวคิดหัวรุนแรงจากกลุ่มรัฐอิสลามหรือไอเอส ก่อนหน้านั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธาณสุขศรีลังกา Rajitha Senaratne ได้เผยว่า กลุ่มหัวรุนแรงในท้องถิ่นที่มีชื่อว่า National Thowfeek Jamaath หรือ NTJ ต้องรับผิดชอบต่อเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ ยังไม่มีองค์กรหรือบุคคลใดออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ดังกล่าว

วันที่ 23 เมษายน ตำรวจศรีลังกาได้เผยว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุระเบิดที่โบส์ถและโรงแรมหรูก่อนหน้านั้น 2 วันได้เพิ่มขึ้นเป็น 310 คน ส่วนจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างที่เกือบ 500 คน จนถึงวันที่ 23 เมษายน ตำรวจศรีลังกาได้จับกุมตัวผู้ต้องสงสัย 40 คนเพื่อสอบปากคำ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวศรีลังกาและกำลังทำการสืบสวนว่า มีชาวต่างชาติเกี่ยวข้องกับเหตุการณี้หรือไม่

เมื่อวันที่ 22 เมษายน คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้ประณามเหตุโจมตีก่อการร้ายในศรีลังกาอย่างเข้มแข็งโดยย้ำว่า ต้องลงโทษคนร้ายโดยเร็ว

จำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุระเบิดที่โบส์ถและโรงแรมหรูได้เพิ่มขึ้นเป็น 310 คน (AFP)

ในขณะเดียวกัน โฆษกทำเนียบขาว Hogan Gidley เผยว่า เมื่อวันที่ 22 เมษายน ประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เรียกการโจมตีในศรีลังกาว่าเป็น “เหตุก่อการร้ายที่นองเลือดที่ที่สุดนับตั้งแต่เกิดการโจมตีก่อการร้ายเมื่อวันที่ 11 กันยายนปี 2001 ณ ประเทศสหรัฐ” ในการพูดคุยทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีศรีลังกา นาย โดนัลด์ ทรัมป์ ให้คำมั่นว่า จะสนับสนุนและช่วยเหลือการสืบสวน และส่งเจ้าหน้าที่ของสำนักงานสอบสวนกลางหรือ FBI เข้าไปช่วยเหลือตำรวจศรีลังกาในการสืบสวนเหตุการณ์นี้

ในขณะเดียวกัน ณ สำนักวาติกัน พระสันตะปาปา ฟรานซิส ได้ตำหนิการโจมตีใส่โบส์ถและโรงแรมในศรีลังกา อีกทั้งเรียกร้องให้ประเทศต่างๆประณามเหตุ “ก่อการร้ายและการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมนี้”

ในแถลงการณ์ล่าสุด ทางการศรีลังกาเผยว่า มีชาวต่างชาติอย่างน้อย 31 คนจาก 12 ประเทศ เช่นอังกฤษ อินเดีย เดนมาร์ก สเปน ออสเตรเลียและสหรัฐ เสียชีวิตจากเหตุลอบวางระเบิดใส่โบส์ถและโรงแรมหรูเมื่อวันที่ 21 เมษายน ณ ประเทศศรีลังกา.