รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคมหลังจากที่ศาลประจำอนุญาโตตุลาการออกคำวินิจฉัยของเกี่ยวกับคดีฟิลิปปินส์ยื่นฟ้องจีนเรื่องการพิพาทในทะเลตะวันออก (Photo: EPA)

(VOVworld) - เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม นอกรอบการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอาเซียน หรือ AMM ครั้งที่ 49 ณ กรุงเวียงจันทน์ ประเทศลาว นาย ฟูมิโอะ คิชิดะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นได้เจรจากับนาย หวังอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน โดยได้เรียกร้องให้ทางการปักกิ่งยอมรับคำวินิจฉัยของศาลอนุญาโตตุลาการในกรุงเฮกเกี่ยวกับคดีฟิลิปปินส์ยื่นฟ้องจีนเรื่องการพิพาทในทะเลตะวันออก รวมทั้งเร่งรัดให้จีนปฏิบัติตามคำวินิจฉัยที่ปฏิเสธสิทธิทางประวัติศาสตร์” ของจีนในทะเลตะวันออกเหนือเขตเส้นประ 9 เส้นเนื่องจากเป็นคำวินิจฉัยสุดท้ายที่มีผลผูกมัดทางนิตินัย
ในวันเดียวกัน นอกรอบการประชุม AMM ครั้งที่ 49และการประชุมต่างๆที่เกี่ยวข้อง ได้มีการจัดการเจรจาไตรภาคีระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น สหรัฐและออสเตรเลียเพื่อหารือเกี่ยวกับความสำคัญของการแก้ไขปัญหาการพิพาทด้วยสันติวิธีตามกฎหมายสากล การเจรจาดังกล่าวได้มีขึ้นหลังจากที่จีนได้เผยว่า จะไม่ปฏิบัติตามคำวินิจฉัยดังกล่าวของศาลอนุญาโตตุลาการ ซึ่งหลังจากที่ศาลอนุญาโตตุลาการออกคำวินิจฉัยดังกล่าว ญี่ปุ่น สหรัฐและออสเตรเลียได้ออกแถลงการณ์ที่ระบุว่า คำวินิจฉัยดังกล่าวเป็นคำวินิจฉัยสุดท้ายที่มีผลผูกมัดทางนิตินัย รวมทั้งเรียกร้องให้จีนและฟิลิปปินส์ปฏิบัติตามคำวินิจฉัยและแก้ไขปัญหาการพิพาทอย่างสันติ
ก่อนหน้านั้น ณ กรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ ได้มีการจัดพิธีประกาศและมอบจดหมายของสมาคมพี่น้องครอบครัว Stanislaw ที่ส่งถึงสหพันธ์องค์การมิตรภาพเวียดนามที่ระบุถึงการสนับสนุนคำวินิจฉัยของศาลอนุญาโตตุลาการเกี่ยวกับคดีฟิลิปปินส์ยื่นฟ้องจีนเรื่องการพิพาทในทะเลตะวันออก รวมทั้งการต่อสู้เพื่อปกป้องอธิปไตยเหนือทะเลและเกาะแก่งของเวียดนาม
ส่วนในประกาศที่ส่งถึงสถานทูตเวียดนามประจำเม็กซิโก นาย Felix Castellanos Hernandex หัวหน้าสถาบันมิตรภาพและความร่วมมือเม็กซิโก-เวียดนามได้แสดงการสนับสนุนต่อคำวินิจฉัยของศาลอนุญาโตตุลาการเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา รวมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลจีนให้ความเคารพคำวินิจฉัยดังกล่าวและเผยว่า การไม่ปฏิบัติตามกฎหมายสากลและการปฏิบัติเพียงฝ่ายเดียวจะทำให้เกิดความไร้เสถียรภาพ คุกคามต่อสันติภาพและอธิปไตยของประเทศต่างๆในภูมิภาค ตลอดจนยืนยันอีกครั้งถึงการสนับสนุนบูรณภาพแห่งดินแดนของเวียดนาม โดยเฉพาะอธิปไตยของเวียดนามเหนือหมู่เกาะหว่างซา หรือ พาราเซลและเจื่องซา หรือ สเปรตลีย์ และชื่นชมคำมั่นของเวียดนามในการคํ้าประกันสันติภาพ ความมั่นคง เสถียรภาพ การเดินเรือและเดินอากาศอย่างเสรีในทะเลตะวันออก.