โครงสร้างพื้นฐานจำนวนมากในฉนวนกาซาตอนเหนือถูกทำลาย
(VOVWORLD) - นับตั้งแต่การที่อิสราเอลเริ่มปฏิบัติการทิ้งระเบิดฉนวนกาซาเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม จนถึงปัจจุบัน มีผู้เสียชีวิตกว่า 7,700 ราย ซึ่งในจำนวนนี้เป็นเด็กกว่า 3,500 คน.
เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม กองทัพอิสราเอลได้ทำการโจมตีฉนวนกาซาอย่างต่อเนื่องพร้อมทิ้งระเบิดตลอดทั้งคืน โดยนาย Mahmud Bassal โฆษกสำนักงานป้องกันพลเรือนกาซา เผยว่า มีอาคารและบ้านหลายร้อยหลังถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิง รวมถึงที่อยู่อาศัยนับพันหลังได้รับความเสียหาย ซึ่งปัญหาระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสได้ย่างเข้าสู่สัปดาห์ที่ 4 และยังคงมีแนวโน้มทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ในวันเดียวกัน นาย Ali Baraka สมาชิกแกนนำกลุ่มฮามาส ได้เผยว่า ปฏิบัติการบุกโจมตีทางภาคพื้นดินเข้าไปในฉนวนกาซาของกองทัพอิสราเอล "ประสบความสูญเสียอย่างหนัก" ขณะที่ไม่มีรายงานการสูญเสียทางทหารใดๆ จากฝ่ายอิสราเอล
 โครงสร้างพื้นฐานในฉนวนกาซาตอนเหนือถูกทำลาย (ภาพจาก AFP/TTXVN) |
ทั้งนี้ นาย อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติได้มีการประณามอย่างรุนแรงเกี่ยวกับสถานการณ์การทิ้งระเบิดหลายครั้งในฉนวนกาซา อีกทั้งเรียกร้องให้หยุดยิงทันที ส่วนเจ้าหน้าที่กลุ่มฮามาสของปาเลสไตน์ Ghazi Hamad ได้เรียกร้องให้สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติออกมติเพื่อเปิดทางให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าไปในฉนวนกาซา พร้อมส่งคำเตือนถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดภัยพิบัติท่ามกลางการโจมตีทางอากาศและภาคพื้นดินของอิสราเอลที่เพิ่มขึ้นในช่วงเวลากลางคืน ในขณะเดียวกัน มีผู้คนนับพันได้ออกมาเดินขบวนประท้วงในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลอังกฤษออกเสียงเกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิงหลังกองทัพอิสราเอลขยายการโจมตีทางอากาศและทางภาคพื้นในฉนวนกาซา ส่วนในกรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซีย เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม มีผู้เข้าร่วมการเดินขบวน "10K Solidarity Palestine" หน้าสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐ กว่า 5,000 คน เพื่อสนับสนุนสันติภาพในฉนวนกาซา.