เทศกาลถือศีลอดของชาวมุสลิมอินโดนีเซียในกรุงฮานอย

(VOVWORLD) - เดือนรอมฎอนเป็นเทศกาลถือศีลอดที่สำคัญที่สุดของชาวมุสลิม  โดยชาวมุสลิมจะต้องอดอาหารเพื่อที่จะได้เข้าถึงอันเลาะห์ผ่านการแสดงความกตัญญูรู้คุณและความเชื่อต่อพระเจ้าอัลเลาะห์ เดือนรอมฎอนของทุกปีไม่เหมือนกันเพราะขึ้นอยู่กับเวลาที่ดวงจันทร์ใช้ในการหมุนรอบโลกครบ รอบในเดือน โดยเดือนรอมฎอนปีนี้ เริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 6พฤษภาคม และชุมชนชาวมุสลิมอินโดนีเซียในกรุงฮานอยก็กำลังจัดกิจกรรมต่างๆในโอกาสนี้เหมือนเพื่อนมิตรและครอบครัวที่กำลังต้อนรับช่วงเวลาที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของชาวมุสลิม
เทศกาลถือศีลอดของชาวมุสลิมอินโดนีเซียในกรุงฮานอย - ảnh 1ภาพในงาน 

เวลา 18.45น. ที่บริเวณมัสยิด Al Noor ที่ ถนนห่างเหลือก กรุงฮานอยที่มีพื้นที่ 400ตารางเมตร ชาวมุสลิมอินโดนีเซียและประเทศต่างๆ เช่น มาเลเซีย บรูไน ปากีสถานและเวียดนามกว่า 200 คนกำลังเข้าร่วมพิธีสวดมนต์ Magrib ซึ่งเป็นพิธีสวดมนต์บังคับตอนเย็นโดยมีอิหม่าม ซึ่งเป็นผู้นำทางศาสนาประจำมัสยิดAl noor เป็นประธานในงานโดยผู้ชายใส่หมวก Peci ส่วนผู้หญิงใส่ชุด Mukena ที่มิดชิดและ โซนสวดมนต์สำหรับผู้ชายและผู้หญิงถูกกั้นด้วยผ้าม่าน

ในช่วงนี้ มัสยิด Al Noor มีความคึกคักกว่าปกติเพราะมีชาวมุสลิมไปสวดมนต์จำนวนมากในโอกาสเทศกาลถือศีลอด โดยเฉพาะในหลายปีมานี้ สถานทูตประเทศอิสลาม ณ กรุงฮานอยได้จัดงานเลี้ยงละศิลอด เพื่อเชิญชวนชาวมุสลิมไปรับประทานร่วมกันหลังเทศกาลถือศีลอด โดยในปีนี้ สถานทูตอินโดนีเซียยังคงจัดงานดังกล่าวต่อไป นาย Ibnu Hadi เอกอัครราชทูตอินโดนีเซีย ณ กรุงฮานอยได้เผยว่า“ในเดือนรอมฎอน จะมีการจัดพิธีสวดมนต์มากขึ้น โดยนอกจากการสวดมนต์บังคับ 5ครั้งภายในวัน ยังมีการจัดพิธีสวดมนต์ Tarawih ส่วนการจัดงานเลี้ยงละศิลอดเป็นกิจกรรมที่ดีที่ได้รับการจัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ณ มัสยิด Al Noor ซึ่งสร้างโอกาสให้ชาวมุสลิมได้พบปะสังสรรค์ สวดมนต์และรับประทานร่วมกันหลังเทศกาลถือศีลอด”

งานเลี้ยงละศิลอดเริ่มขึ้นตั้งแต่เวลา 18.30 น. ซึ่งเป็นการเสร็จสิ้นการอดอาหาร โดยมีเมนูอาหารหลายอย่างเพื่อเสิร์ฟให้แก่ชาวมุสลิมที่อดอาหารและน้ำในทั้งวัน แต่ทุกคนจะเริ่มด้วยเมนูเบาๆ เช่น ผลไม้และดื่มน้ำแล้วเข้าร่วมพิธีสวดมนต์ Magrib ซึ่งหลังจากสวดมนต์เสร็จก็จะรับประทานอาหารหลักๆ ส่วนพิธีสวดมนต์ Tarawih เป็นกิจกรรมสุดท้ายในงานเลี้ยงละศิลอด โดยทุกคนจะอ่านคัมภีร์อัลกุรอานร่วมกัน นาง Hera Nurlaela และนาง Miranti Ratnasari Mia ชาวอินโดนีเซียได้เผยว่า

“ครอบครัวดิฉันพำนักอาศัยอยู่ที่ฮานอยมาเป็นเวลา 18ปีแล้ว โดยดิฉันได้ฉลองเทศกาลถือศีลอดในเวียดนาม 10ครั้งแล้ว ซึ่งการที่เดือนรอมฎอนมีขึ้นในหน้าร้อนจะทำให้การอดอาหารและน้ำลำบากมากเพราะอากาศร้อนและเรารู้สึกกระหายน้ำอยู่เสมอ ซึ่งในหน้าหนาวจะดีกว่า ที่กรุงฮานอยมีมัสยิด Al Noor เป็นมัสยิดแห่งเดียวและมีพื้นที่ไม่กว้างนัก ไม่พอให้ชาวมุสลิมในกรุงฮานอยทุกคนไปสวดมนต์ที่เดียว แต่พวกเราก็ขอขอบคุณรัฐบาลเวียดนามที่อำนวยความสะดวกให้แก่การประกอบศาสนกิจต่างๆ รวมทั้งศาสนามุสลิม”

“ในเดือนรอมฎอน ที่ มัสยิด Al Noor มีการจัดงานเลี้ยงละศิลอดทุกวัน ดิฉันก็พยายามไปสวดมนต์ให้มากที่สุด ซึ่งดิฉันรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้พบปะกับชาวมุสลิมอื่นๆ ถ้าไม่สามารถไปสวดมนต์ที่มัสยิด ดิฉันจะสวดมนต์และจัดงานละศิลอดที่บ้าน”

ส่วนนายIbnu Hadi เอกอัครราชทูตอินโดนีเซีย ณ กรุงฮานอยได้อธิบายเกี่ยวกับความหมายของเดือนรอมฎอนว่า“ในเดือนรอมฎอน ชาวมุสลิมจะต้องอดอาหารในช่วงเวลาพระอาทิตย์ขึ้นไปจนถึงพระอาทิตย์ตกดินอย่างเคร่งครัด เป็นการฝึกให้รู้จักอดทนต่อสิ่งรอบตัวและทำในสิ่งที่ดี จนถึงปลายเดือนตามคำสั่งของพระเจ้า แต่สำหรับเด็ก สตรีมีครรภ์และผู้ที่เดินทางไปท่องเที่ยวในต่างประเทศสามารถก็อาจงดปฏิบัติการอดอาหารได้”

หลังเสร็จสิ้นเดือนรอมฎอน ชาวมุสลิมอินโดนีเซียจะต้อนรับปีใหม่ Idul Fitri โดยได้หยุดยาวหนึ่งสัปดาห์เพื่อกลับบ้านชุมนุมอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากับสมาชิกในครอบครัว นี่ก็เป็นโอกาสให้ทุกคนอวยพรให้กันประสบแต่สิ่งที่ดีๆในชีวิตและให้อภัยกัน

เดือนรอมฎอนจะเสร็จสิ้นลงในต้นเดือนมิถุนายน แม้จะอยู่ห่างไกลบ้านเกิด แต่ชาวมุสลิมอินโดนีเซียในกรุงฮานอยยังเข้าร่วมการประกอบศาสนกิจ โดยพวกเขารู้สึกอบอุ่นเพราะได้พบปะสังสรรค์และเข้าร่วมพิธีสวดมนต์ต่างๆที่สถานทูตอินโดนีเซียจัดขึ้น.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด