เวียดนามและอินโดนีเซียผลักดันความร่วมมือเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของแต่ละประเทศ

(VOVworld) –  ฟอรั่มส่งเสริมการค้า การท่องเที่ยวและการลงทุนระหว่างอินโดนีเซียกับเวียดนามในหัวข้อ“เวียดนามและอินโดนีเซียผลักดันความร่วมมือเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของแต่ละประเทศ”เพื่อแนะนำโอกาสการประกอบธุรกิจในอินโดนีเซียให้แก่บรรดาหุ้นส่วนเวียดนามและช่วยให้นักธุรกิจเข้าใจศักยภาพทางเศรษฐกิจอีกทั้งมีส่วนร่วมผลักดันการค้าทวิภาคี


(VOVworld) –   ในระหว่างวันที่๑๑ถึงวันที่๑๒เดือนนี้ ณ กรุงฮานอย ได้มีการจัดฟอรั่มส่งเสริมการค้า การท่องเที่ยวและการลงทุนระหว่างอินโดนีเซียกับเวียดนามหรือ TTI อินโดนีเซีย เวียดนาม เป็นครั้งแรกในหัวข้อ“เวียดนามและอินโดนีเซียผลักดันความร่วมมือเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของแต่ละประเทศ”เพื่อแนะนำโอกาสการประกอบธุรกิจในอินโดนีเซียให้แก่บรรดาหุ้นส่วนเวียดนามและช่วยให้นักธุรกิจเข้าใจศักยภาพทางเศรษฐกิจอีกทั้งมีส่วนร่วมผลักดันการค้าทวิภาคี
เวียดนามและอินโดนีเซียผลักดันความร่วมมือเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของแต่ละประเทศ - ảnh 1
ฟอรั่มส่งเสริมการค้า การท่องเที่ยวและการลงทุนระหว่างอินโดนีเซียกับเวียดนาม(Photo:Internet )

(VOVworld) –   นายMayerfas เอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำเวียดนาม ในฐานะประธาน TTI อินโดนีเซีย เวียดนามกล่าวว่า อินโดนีเซียและเวียดนามมีสัมพันธไมตรีที่ดีมาช้านานและกำลังพยายามผลักดันความร่วมมือในทุกด้านให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยเฉพาะ ด้านเศรษฐกิจ การค้า การท่องเที่ยวและการลงทุน เวียดนามมีแหล่งวัตถุดิบที่อุดมสมบูรณ์เพื่อตอบสนองภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ส่วนอินโดนีเซียก็เป็นตลาดที่มีศักยภาพที่เวียดนามอาจจะใช้ประโยน์เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของตน นายMayerfas กล่าวว่า “เวียดนามเป็นประเทศที่มีความสำคัญต่ออินโดนีเซียและภูมิภาคอาเซียนในความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน การท่องเที่ยวและการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพมภูมิอากาศ อินโดนีเซียและเวียดนามมีจุดยืนที่เหมือนกันหลายจุดซึ่งสามารถขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้าและด้านอื่นๆได้ TTI อินโดนีเซีย เวียดนามจะช่วยให้นักธุรกิจอินโดนีเซียเจาะตลาดเวียดนามและนักธุรกิจเวียดนามเจาะตลาดอินโดนีเซีย”   ในการนี้ นายNguyen Thanh Bien รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์เวียดนามได้กล่าวว่า มูลค่าการค้าต่างตอบแทนได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วโดยในปี๒๐๑๑ได้บรรลุ๔พัน๖ร้อยล้านเหรียญสหรัฐแต่ตัวเลขนี้ก็ยังไม่สมกับศักยภาพความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างสองประเทศ ดังนั้นเพื่อบรรลุมูลค่าการค้าต่างตอบแทน๕พันล้านเหรียญสหรัฐในปี๒๐๑๕ ทั้งสองประเทศควรอำนวยความสะดวกเพื่อให้นักธุรกิจมีความสัมพันธ์กันอย่างแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น นาย Nguyen Thanh Bien ยืนยันว่า “ในหลายปีที่ผ่านมา กระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์ได้ชี้นำให้ฝ่ายการค้าต่างประเทศให้ความสำคัญต่อตลาดอินโดนีเซีย   จัดทำระเบียบ นโยบายเพื่อส่งเสริมให้นักธุรกิจเวียดนามผลักดันการค้ากับหุ้นส่วนอินโดนีเซีย ฟอรั่มครั้งนี้จะมีส่วนร่วมผลักดันความร่วมมือระหว่างนักธุรกิจของทั้งสองประเทศ”บรรดาผู้แทนที่เข้าร่วมฟอรั่มดังกล่าวได้กล่าวถึงศักยภาพของความร่วมมือในด้านต่างๆระหว่างนักธุรกิจของทั้งสองประเทศซึ่งนายNguyen Anh Dung ผู้จัดการบริษัทการค้าและการบริการท่องเที่ยวHung Vuong กล่าวว่า  ปัจจุบัน อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในอาเซียนและมีชาวอินโดนีเซียต้องการเดินทางท่องเที่ยวนับวันยิ่งเพิ่มมากขึ้นดังนั้นการร่วมมือกับบริษัทท่องเที่ยวอินโดนีเซียต่างๆเพื่อดึงดูดให้นักท่องเที่ยวอินโดนีเซียมาเที่ยวเวียดนามจึงเป็นสิ่งจำเป็น นอกจากนี้ อินโดนีเซียยังเป็นตลาดใหม่ที่มีศักยภาพสำหรับบริษัทนำเที่ยวเวียดนามเพราะอินโดนีเซียมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง มีวัฒนธรรมที่หลากหลายและมีเอกลักษณ์ของชาติ นาย Nguyen Anh Dung กล่าวว่า “เมื่อ๑๐ปีก่อน  มีแพคเกจทัวร์อินโดนีเซียมากมาย ต่อจากนั้น เนื่องจากวิกฤติทางการเมืองในอินโดนีเซียได้ทำให้บริษัทท่องเที่ยวหลายแห่งยกเลิกทัวส์อินโดนีเซีย ในทางเป็นจริง ผมเห็นว่า ทัวร์อินโดนีเซียได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว ดังนั้นการจัดกิจกรรมต่างๆดังเช่นฟอรั่มTTI ถือว่ามีความจำเป็นเพื่อให้อินโดนีเซียประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวในเวียดนามและเวียดนามสามารถเจาะตลาดอินโดนีเซีย”   นางDwi Agustin ผู้จัดการฝ่ายการตลาดและธุรกิจของบริษัท Taruna Wisata Tour and Travel ที่เข้าร่วมฟอรั่มดังกล่าวได้กล่าวว่า เธอได้มีการพบปะหารือกับบริษัทนำท่องเที่ยวหลายแห่งของเวียดนามเพื่อขยายตลาดและต่อยอดธุรกิจให้แก่บริษัทของตน “เมื่อก่อนนี้ มีนักท่องเที่ยวอินโดนีเซียจำนวนมากที่มีความประสงค์ซื้อแพคเกจทัวร์มาเที่ยวฮานอย แต่ในตอนนั้นทางบริษัทยังไม่มีความร่วมมือกับบริษัทนำเที่ยวของเวียดนามดังนั้น ดิฉันเห็นว่า นี่เป็นโอกาสเพื่อให้บริษัทของพวกเราแสวงหาหุ้นส่วนในกรุงฮานอยเพื่อขายแพคเกจทัวร์ฮานอย”     บรรดานักธุรกิจมีความหวังว่า ผู้นำของทั้งสองประเทศจะจัดการประชุม ฟอรั่มและการสัมมนาทางวิชาการเพื่อให้นักธุรกิจของทั้งสองประเทศสามารถพบปะหารือและขยายความร่วมมือกันมากยิ่งขึ้นเพื่อมีส่วนร่วมขยายมูลค่าการค้าทวิภาคีในเวลาที่จะถึง./.

Trung Cuong VOV5


ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด