แนวคิด “รับประทานมื้อเช้าที่เวียดนามและทานมื้อเที่ยงที่ประเทศไทย” จะกลายเป็นความจริงในเร็ววัน

(VOVworld) – “ไม่ต้องนั่งเครื่องบิน แต่แค่นั่งรถโดยสารคุณก็สามารถรับประทานอาหารมื้อเช้าที่เวียดนามและมื้อเที่ยงที่ประเทศไทยได้ นี่คือความคิดเห็นของนาย เหงียนเติ๊ตแถ่ง เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำประเทศไทยในการพูดคุยกับสื่อมวลชนในโอกาสเดินทางกลับประเทศ เพื่อเข้าร่วมการประชุมหน่วยงานการทูตครั้งที่ 29 เมื่อเร็วๆนี้ ณ กรุงฮานอย ในทางเป็นจริง ภายหลัง 40 ปีสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับไทยได้พัฒนาอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ

(VOVworld) – “ไม่ต้องนั่งเครื่องบิน แต่แค่นั่งรถโดยสารคุณก็สามารถรับประทานอาหารมื้อเช้าที่เวียดนามและมื้อเที่ยงที่ประเทศไทยได้ นี่คือความคิดเห็นของนาย เหงียนเติ๊ตแถ่ง เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำประเทศไทยในการพูดคุยกับสื่อมวลชนในโอกาสเดินทางกลับประเทศ เพื่อเข้าร่วมการประชุมหน่วยงานการทูตครั้งที่ 29 เมื่อเร็วๆนี้ ณ กรุงฮานอย ในทางเป็นจริง ภายหลัง 40 ปีสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับไทยได้พัฒนาอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ

แนวคิด “รับประทานมื้อเช้าที่เวียดนามและทานมื้อเที่ยงที่ประเทศไทย” จะกลายเป็นความจริงในเร็ววัน - ảnh 1
เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำประเทศไทย เหงียนเติ๊นแถ่ง

ความคืบหน้าของความสัมพันธ์เวียดนาม-ไทยในเวลาที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นว่า ทั้งสองประเทศไม่ใช่คู่แข่งกัน หากเป็นหุ้นส่วนด้านเศรษฐกิจ ให้การช่วยเหลือกันและร่วมกันพัฒนา ทั้งสองประเทศต่างมีความต้องการในการนำเข้าส่งออกสินค้าหลายรายการ โดยมูลค่าการค้าต่างตอบแทนเพิ่มขึ้นจาก 509 ล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อปี 1995 ขึ้นเป็นประมาณ 1 หมื่น 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อปี 2015 และพยายามบรรลุ 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2020 เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำประเทศไทย เหงียนเติ๊นแถ่งได้เผยว่า “เวียดนามมีความได้เปรียบคือเป็นประเทศเดียวในโลกที่ได้ลงนามข้อตกลงการค้าเสรีกับทุกประเทศสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ในขณะที่ไทยมีความต้องการบรรลุผลงานนี้ ดังนั้น ฝ่ายไทยจึงพยายามเพื่อใช้โอกาสจากเวียดนาม เมื่อปี 2015 จำนวนนักท่องเที่ยวชาวเวียดนามและชาวไทยที่เดินทางมาเยือนระหว่างกันอยู่ที่เกือบ 7 แสน 5 หมื่นคนและ 2 แสน 1 หมื่นคนตามลำดับ สำหรับเที่ยวบินระหว่างสองประเทศ เมื่อปี 2015 มีเที่ยวบินกว่า 100 เที่ยวต่อสัปดาห์ แต่ปัจจุบันเพิ่มเป็น 210 เที่ยวต่อสัปดาห์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า มีเที่ยวบินไปกลับไทย-เวียดนามเกือบ 30 เที่ยวต่อวัน”
เอกอัครราชทูต เหงียนเติ๊ตแถ่ง ได้เผยว่า เพื่อบรรลุผลประโยชน์อย่างเต็มที่ หนึ่งในปัจจัยหลักคือพัฒนาการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่การค้า การลงทุนและการท่องเที่ยว ไทยหวังว่า ทั้งสองประเทศจะเปิดบริการรถโดยสารระหว่างประเทศผ่านประเทศลาว และเส้นทางการเดินเรือผ่านกัมพูชาให้เร็วที่สุด “ปัจจุบัน ทั้งสองฝ่ายกำลังผลักดันการเชื่อมโยงทางทะเล ร่วมมือด้านการท่องเที่ยวและการค้า โดยเฉพาะการเชื่อมโยงด้านการคมนาคมทางบก รัฐบาลของเวียดนาม ลาว ไทยและกัมพูชากำลังผลักดันการเชื่อมโยงรถโดยสารหว่างประเทศ หวังว่า ทุกๆวันจะมีรถโดยสารเวียดนาม-ไทยให้บริการหลายสิบเที่ยว ปีนี้ ในโอกาสฉลองครบรอบ 40 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเวียดนาม-ไทย ทั้งสองฝ่ายกำลังผลักดันการเปิดให้บริหารรถโดยสารระหว่างประเทศไปยังประเทศลาวและเส้นทางเวียดนาม-ไทย เพื่อผลักดันการเชื่อมโยงและเป็นพื้นฐานเพื่อผลักดันการค้า การลงทุนและการพบปะสังสรรค์ระดับประชาชน ซึ่งจะทำให้แนวความคิด รับประทานมื้อเช้าที่เวียดนาม และทานมื้อเที่ยงที่ประเทศไทยจะกลายเป็นความจริงในเร็ววัน”

แนวคิด “รับประทานมื้อเช้าที่เวียดนามและทานมื้อเที่ยงที่ประเทศไทย” จะกลายเป็นความจริงในเร็ววัน - ảnh 2
สัปดาห์สินค้าเวียดนามในประเทศไทย

ความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจได้บรรลุความคืบหน้าที่น่ายินดี และศักยภาพความร่วมมือระหว่างเวียดนามกับไทยยังสูงมาก โดยเฉพาะในสภาวการณ์ที่ประชาคมอาเซียนเพิ่งได้รับการจัดตั้ง แต่ตามความเห็นของเอกอัครราชทูต เหงียนเติ๊ตแถ่ง ในขณะที่สถานประกอบการไทยให้ความสนใจถึงตลาดอาเซียน โดยเฉพาะตลาดเวียดนาม โดยสถานประกอบการไทยแสวงหาทุกวิธีเพื่อพบปะกับเอกอัครราชทูตประเทศอาเซียนและเชิญเอกอัครราชทูตเข้าร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจและการค้า โดยเฉพาะกิจกรรมที่เกี่ยวข้องถึงประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนนั้น สถานประกอบการเวียดนามกลับยังไม่ให้ความสนใจต่อตลาดไทยอย่างจริงจังและยังไม่ใช้ข้อมูลจากสำนักงานตัวแทนเวียดนามในต่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ เอกอัครราชทูต เหงียนเติ๊ตแถ่งได้เผยว่า“ไทยเป็นตลาดที่ค่อนข้างใหญ่ โดยมีประชากรเกือบ 70 ล้านคน มูลค่าการนำเข้าส่งออกของเวียดนามในอาเซียนคิดเป็นร้อยละ 20 ของยอดมูลค่าการนำเข้าส่งออกทั้งหมด เวียดนามให้ความสนใจถึงตลาดของประเทศพัฒนาต่างๆ เช่นสหรัฐ และยุโรป มากกว่าการใช้ศักยภาพตลาดอาเซียนอย่างสมบูรณ์ โดยเฉพาะ ในด้านการค้า สถานประกอบการเวียดนามยังไม่ได้ให้ความสนใจถึงตลาดไทยมากนัก จำนวนบริษัทเวียดนามที่ลงทุนในประเทศไทยก็มีไม่กี่แห่ง นอกจากนั้น ผมเห็นว่า สถานประกอบการภายในประเทศกำลังพัฒนาตามยุทธศาสตร์ของตนเอง ไม่มีความเชื่อมโยงกับตลาดในภูมิภาคและโลกอย่างใกล้ชิด ส่วนสำนักงานตัวแทนของเวียดนามในต่างประเทศก็เป็นหนึ่งในสำนักงานที่สถานประกอบการสามารถขอความร่วมมือได้ แต่สถานประกอบการเวียดนามยังไม่ใช้ประโยชน์จากปัจจัยนี้อย่างมีประสิทธิภาพ”
ปัจจุบัน ไทยอยู่อันดับที่ 11 ในจำนวนประเทศที่ลงทุนมากที่สุดในเวียดนาม โดยเมื่อปี 2015 ไทยลงทุนกว่า 7.36 พันล้านดอลลาร์สหรัฐผ่าน 415 โครงการในเวียดนาม ซึ่งทางสถานทูตเวียดนามประจำประเทศไทยกำลังพยายามส่งเสริมการประชาสัมพันธ์การลงทุนเวียดนามในประเทศไทย เอกอัครราชทูต เหงียนเติ๊ตแถ่ง กล่าวว่า จากความพยายามของทางสถานทูตฯ และผลงานที่ได้บรรลุ พวกเราสามารถเชื่อมั่นได้ว่า เป้าหมายเพื่อนำมูลค่าการค้าต่างตอบแทนขึ้นเป็น 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2020 จะกลายเป็นความจริงโดยเร็ว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด