การประชุมสมัชชาผู้แทนประชาชนทั่วประเทศ ณ เตินจ่าวถือเป็นการยืนยันถึงความก้าวหน้าอันยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์การต่อสู้เพื่อปลดปล่อยประชาชาติ ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการพัฒนาของอารยธรรมมนุษย์ สะท้อนสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตยของประเทศที่มีเอกราชและอธิปไตย แม้จำนวนผู้แทนมีไม่เกิน 60 คนเท่านั้นแต่ก็ถือเป็นการประชุมครั้งประวัติศาสตร์ของรัฐสภา องค์การหนึ่งซึ่งเป็นองค์กรอำนาจของรัฐเฉพาะกาลของประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม

ท่านเจื่องชิง เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์อินโดจีนได้อ่านรายงานต่อที่ประชุมโดยย้ำถึง2ปัญหาใหญ่คือ การลุกขึ้นสู้ครั้งใหญ่ทั่วประเทศและการเลือกตั้งคณะกรรมการประชาชาติปลดปล่อย ซึ่งก็คือรัฐบาลปฏิวัติเฉพาะกาล พรรคคอมมิวนิสต์อินโดจีนวางแนวทางนำประชาชนทำการลุกขึ้นสู้ยึดอาวุธจากญี่ปุ่นเพื่อทวงคืนอำนาจการปกครองประเทศ บนพื้นฐานดังกล่าว ที่ประชุมได้อนุมัติแนวทางของพรรคและกองบัญชาการเวียดมิงห์ตัดสินใจเปิดการลุกขึ้นสู้ครั้งใหญ่ทั่วประเทศ นำประชาชนลุกขึ้นสู้เพื่อยึดคืนอำนาจจากกองทัพญี่ปุ่น จัดตั้งคณะกรรมการปลดปล่อยประชาชาติเวียดนาม ออกแบบธงชาติ เพลงชาติและจัดทำยุทธศาสตร์ที่สำคัญต่างๆของการปฏิวัติเวียดนาม ที่ประชุมได้อนุมัตินโยบายของเวียดมิงห์รวม 10 ข้อ เช่น ติดอาวุธให้แก่ประชาชน ยึดทรัพย์ของฝ่ายศัตรูและพวกปฏิกิริยาชาวเวียดนามเพื่อโอนเข้าเป็นของหลวงและมอบให้คนจน การจัดการเลือกตั้งทั่วไปและประชาธิปไตย ตลอดจนสิทธิต่างๆที่เกี่ยวข้องโดยตรงต่อผลประโยชน์ของประชาชนในช่วงเวลานั้น

ต่อจากความสำเร็จของการประชุมสมัชชาผู้แทนประชาชนทั่วประเทศ ณ เตินจ่าว หลังจากที่ประเทศได้รับเอกราช ประชาชนเวียดนามได้ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งทั่วประเทศเมื่อวันที่ 6 มกราคมปี 1946 ลงคะแนนเลือกตั้งรัฐสภาชุดแรกของประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนามและจัดทำร่างรัฐธรรมนูญของประเทศเวียดนาม ศาสตราจารย์ประวัติศาสตร์เลวันลานเผยว่า “การประชุมสมัชชาผู้แทนประชาชนทั่วประเทศ ณ เตินจ่าวเป็นต้นกำเนิดของรัฐสภาเวียดนาม ซึ่งริเริ่มมาจากแนวความคิดของประธานโฮจิมินห์ จากนโยบายที่ได้อนุมัติในที่ประชุม ทำให้การปฏิวัติเดือนสิงหาคมหลังจากนั้นประสบความสำเร็จ บนพื้นฐานดังกล่าว ประธานโฮจิมินห์ได้ประกาศอย่างชัดเจนว่า ต้องจัดการเลือกตั้งทั่วประเทศโดยเร็ว เป็นอันว่าหลังการประชุมสมัชชาผู้แทนประชาชนทั่วประเทศ ณ เตินจ่าว 4 เดือน เวียดนามได้จัดการเลือกตั้งทั่วไปเพื่อเลือกตั้งรัฐสภาสมัยแรก”

การประชุมสมัชชาผู้แทนประชาชนทั่วประเทศ ณ เตินจ่าวมีความหมายทางประวัติศาสตร์เหมือนการประชุมเยียนโห่งแห่งการปฏิวัติ ซึ่งถือเป็นความคิดสร้างสรรค์พิเศษของประธานโฮจิมินห์ ของพรรคและกองบัญชาการเวียดมิงห์ในการพัฒนาจิตใจแห่งความมุ่งมั่นและพลังที่เข้มแข็งของทั้งประชาชาติในภารกิจต่อสู้ปฏิวัติ เพื่อเป็นพลังขับเคลื่อนให้การปฏิวัติเวียดนามประสบชัยชนะในภารกิจการช่วงชิงเอกราชของชาติ รวมประเทศเป็นเอกภาพ สร้างสรรค์ พิทักษ์รักษาและพัฒนาประเทศ นอกจากนี้ ที่ประชุมยังทิ้งไว้ประสบการณ์อันล้ำค่าต่อกิจกรรมของรัฐสภาเวียดนามในปัจจุบัน รวมไปถึงบทเรียนเกี่ยวกับการส่งเสริมความตั้งใจอันแน่วแน่และพลังความเข้มแข็งของประชาชาติ ตอบสนองหน้าที่ยุทธศาสตร์ในภารกิจการปฏิวัติแต่ละระยะ แสดงให้เห็นถึงประชาธิปไตยและการสร้างสรรค์รัฐที่ปกป้องประเทศด้วยอำนาจกฎหมาย ซึ่งเป็นรัฐของประชาชน โดยประชาชนและเพื่อประชาชน รวมทั้งยืนยันสถานะและบทบาทการเป็นองค์การที่มีอำนาจสูงสุดของประชาชนในการสร้างสรรค์ ปกป้องและพัฒนาประเทศ นายเหงียนซิงหุ่ง ประธานรัฐสภาเวียดนามได้ยืนยันว่า “ในตลอดเกือบ 70 ปีที่ผ่านมา จากการประชุมสมัชชาผู้แทนประชาชนทั่วประเทศ ณ เตินจ่าวและการจัดตั้งรัฐสภาสมัยแรกมาจนถึงปัจจุบัน การประชุมรัฐสภารวม 13 สมัยเป็นกระบวนการสืบสานและการเปลี่ยนแปลงใหม่อย่างต่อเนื่องทั้งในด้านองค์ประกอบและการปฏิบัติ รัฐสภาเวียดนามได้พัฒนาบทบาทและสถานะการเป็นองค์การตัวแทนสูงสุดของประชาชน เป็นองค์กรที่มีอำนาจสูงสุดของรัฐ มีส่วนร่วมเป็นอย่างมากและสำคัญต่อภารกิจการต่อสู้เพื่อปลดปล่อยประชาชาติ รวมประเทศเป็นเอกภาพ สร้างสรรค์และพิทักษ์รักษาปิตุภูมิเวียดนาม”

การจัดการประชุมสมัชชาผู้แทนประชาชนทั่วประเทศ ณ เตินจ่าวเมื่อ 70 ปีก่อนเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญในประวัติศาสตร์แห่งการปฏิวัติเวียดนาม คุณค่าที่การประชุมครั้งนี้ทิ้งไว้ให้นั้นจะได้รับการประยุกต์ใช้อย่างมีความคิดสร้างสรรค์ในการปฏิบัติงานของรัฐสภาเวียดนามเพื่อมีส่วนร่วมต่อการสร้างสรรค์ ปกป้องและพัฒนาประเทศ.