ความระแวงสงสัยหรือเข้าใจผิดมติ ๗๒ โดยเจตนา

( VOVworld )-มติ ๗๒ เกี่ยวกับการควบคุมการใช้บริการอินเตอร์เน็ตและการเสนอข้อมูลข่าวสารทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ตมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑ กันยายนนี้เป็นต้นไป ซึ่งถือเป็นกรอบทางนิตินัยเพื่อพัฒนาอินเตอร์เน็ตในเวียดนามอย่างโปร่งใส  แต่เมื่อเร็วๆนี้สถานทูตสหรัฐ ณ กรุงฮานอยได้ออกประกาศข่าวสารนิเทศโดยแสดงความระแวงสงสัยต่อมตินี้ ซึ่งความระแวงสงสัยนี้มีความจำเป็นและมาจากสถานการณ์ที่เป็นจริงเกี่ยวกับเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นในเวียดนามหรือไม่นั้น บทวิเคราะห์ “ ความระแวงสงสัยหรือเข้าใจผิดมติ ๗๒ โดยเจตนา ” จะไขความสงสัยดังกล่าว

( VOVworld )-มติ ๗๒ เกี่ยวกับการควบคุมการใช้บริการอินเตอร์เน็ตและการเสนอข้อมูลข่าวสารทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ตมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑ กันยายนนี้เป็นต้นไป ซึ่งถือเป็นกรอบทางนิตินัยเพื่อพัฒนาอินเตอร์เน็ตในเวียดนามอย่างโปร่งใส  แต่เมื่อเร็วๆนี้สถานทูตสหรัฐ ณ กรุงฮานอยได้ออกประกาศข่าวสารนิเทศโดยแสดงความระแวงสงสัยต่อมตินี้ ซึ่งความระแวงสงสัยนี้มีความจำเป็นและมาจากสถานการณ์ที่เป็นจริงเกี่ยวกับเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นในเวียดนามหรือไม่นั้น บทวิเคราะห์ “ ความระแวงสงสัยหรือเข้าใจผิดมติ ๗๒ โดยเจตนา ”จะไขความสงสัยดังกล่าว

ความระแวงสงสัยหรือเข้าใจผิดมติ ๗๒ โดยเจตนา - ảnh 1
( สำนักข่าวเวียดนาม)
หลังจากมติ ๗๒ มีผลบังคับใช้ได้ ๑ สัปดาห์เท่านั้น   วันที่ ๖ กันยายนที่ผ่านมา สถานทูตสหรัฐ ณ กรุงฮานอยได้ออกประกาศข่าวสารนิเทศโดยระบุว่า ดูเหมือนว่า มติ ๗๒ ของเวียดนามขัดกับหน้าที่ของเวียดนามตามอนุสัญญาสากลเกี่ยวกับสิทธิพลเมืองและการเมือง ตลอดจนขัดกับคำมั่นสัญญาของเวียดนามที่ได้ระบุในปฏิญญาสากลเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน  พวกเราแสดงความระแวงสงสัยอย่างลึกซึ้งว่า มิตฉบับนี้จำกัดสิทธิในการสื่อสารส่วนตัวผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ส่วนบุคคลและทางเว็บไซต์ด้วย ตลอดจนจำกัดการขยายตัวของเทคโนโลยีสารสนเทศที่เริ่มพัฒนาในเวียดนามโดยการควบคุมการเปลี่ยนแปลงใหม่ภายในประเทศและกีดขวางการลงทุนจากต่างประเทศ

หากฟังความข้างเดียวจะทำให้เราไม่สามารถเข้าใจได้ว่า ข่าวสารนิเทศดังกล่าวไร้มูลความจริงและขาดเจตนาดีได้อย่างไร เพราะในช่วงนั้น นายเหงวียนบั๊กซอน รัฐมนตรีสื่อสารและประชาสัมพันธ์เวียดนามได้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนเกี่ยวกับข้อใหม่ๆของมตินี้ในรายการ “ รัฐมนตรีตอบคำถามของประชาชน ” ทางสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ โดยมติฉบับนี้มีเนื้อหาใหม่ๆที่ยืนหยัดหลักการการพัฒนกับการควบคุม การส่งเสริมให้กำลังใจประชาชนเผยแพร่ แสวงหาและแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต ตลอดจนการพัฒนารูปแบบข่าวสารทางอินเตอร์เน็ตเช่น หน้าข่าวอิเล็กทรอนิกและเครือข่ายสังคมออนไลน์  มติ ๗๒ ยังอำนวยความสะดวกให้ประชาชนในการส่งข่าวสารสาธารณะข้ามแดนตามกฎหมายเวียดนามและธรรมเนียมสากลและสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่เวียดนามได้ให้ภาคียานุวัติ  กำหนดอำนาจและหน้าที่ขององค์การและบุคคลในการเผยแพร่และใช้ข้อมูลข่าวสารทางอินเตอร์เน็ตและมาตรการปกป้องสิทธิผลประโยชนที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ใช้บริการ  ทั้งนี้แสดงให้เห็นว่า มติ ๗๒ ไม่ขัดกับหน้าที่ของเวียดนามที่ได้ระบุในอนุสัญญาระหว่างประเทศเกี่ยวกับสิทธิ์พลเมืองและการเมืองและคำมั่นสัญญาของเวียดนามตามปฏิญญาสากลเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนที่ข่าวสารนิเทศของสถานทูตสหรัฐ ณ กรุงฮานอยได้ระบุไว้  นายเหงวียนบั๊กซอนรัฐมนตรีสื่อสารและประชาสัมพันธ์กล่าวว่า “ ทุกประเทศในโลกต่างให้ความเคารพเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและมีข้อกำหนดเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของคน  แต่สิทธิฯนั้นต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย  เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นจะได้รับการปกป้องก็ต่อเมื่อไม่ส่งผลเสียต่อผลประโยชน์อันชอบธรรมของชาติและประเทศ  ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลเวียดนามได้ประกาศมติ ๗๒ เพื่อเป็นกรอบทางนิตินัยและเป็นพลังกระตุ้นการพัฒนาอินเตอร์เน็ต การให้บริการ การใช้บริการอินเตอร์เน็ตและเครือข่ายสังคมออนไลน์

ความระแวงสงสัยหรือเข้าใจผิดมติ ๗๒ โดยเจตนา - ảnh 2
นายเหงวียนบั๊กซอนรัฐมนตรีสื่อสารและประชาสัมพันธ์
ในรายการรัฐมนตรีตอบคำถามของประชาชน

นายเหงวียนบั๊กซอนยังชี้ชัดถึงข้อกำหนดต่างๆของมติ ๗๒ ที่ข่าวสารนิเทศของสถานทูตสหรัฐแสดงความระแวงสงสัยว่า เป็นการจำกัดการสื่อสารในรูปแบบส่วนบุคคลผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์และเว็บไซต์ โดยชี้ให้เห็นว่า  “ ข้อ ๒๐ ของมติ ๗๒ ได้นิยามและแยกเนื้อหาของเว็บไซต์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยไม่ห้ามบุคคลเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัว แต่ห้ามการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารจากหลายแหล่งโดยเฉพาะข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับปัญหาภายในและทางวิชาการที่ได้ระบุในข้อ ๓ และ ๕  เกี่ยวกับอำนาจและหน้าที่ของผู้ใช้บริการอินเตอร์เน็ตนั้น ข้อ ๒๓ ไม่ห้ามการใช้ การค้าหาและแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารทางอินเตอร์เน็ต

เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า มติ ๗๒ เป็นเครื่องมือแนะนำให้ประชาชนปฏิบัติสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ดังนั้นสถานทูตสหรัฐประจำเวียดนามไม่ต้องระแวงสงสัยอะไรทั้งสิ้น แต่สิ่งที่ต้องกล่าวถึงคือ ข่าวสารนิเทศของสถานทูตสหรัฐ ณ กรุงฮานอยนั้นได้ใช้สองมาตรฐานต่อเสรีภาพทางอินเตอร์เน็ตในเวียดนาม  ซึ่งจากคดีของนายเอดวาร์ด โนว์เดนโลกได้รับรู้ว่า สหรัฐอเมริกาควบคุมอินเตอร์เน็ตอย่างเข้างวดและใช้ผลสำเร็จของเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัยนี้เพื่อเป้าหมายและผลประโยชน์ทางการเมืองและเศรษฐกิจของตน แต่สถานทูตสหรัฐอเมริกาได้เชิดชูสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นเหนือกฎหมายเวียดนามเมื่อระบุว่าสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานทางอินเตอร์เน็ตเท่าเทียมกับในชีวิตจริง และได้เรียกร้องรัฐบาลเวียดนามให้ความเคารพสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น

หลายประเทศในโลกได้บังคับใช้กฎหมายเพื่อควบคุมอินเตอร์เน็ตไม่ว่าจะในสหรัฐอเมริกา จีน สาธารณรัฐเกาหลีหรือเกาหลีใต้ อินเดีย อิหร่านและสิงคโปร์ และเวียดนามก็ได้ปฏิบัติในลักษณะนี้เช่นกัน โดยมีข้อกำหนดทางกฎหมายที่สอดคล้องกับกฎหมายสากลและประเพณีอันดีงามของประเทศเพื่อพัฒนาประเทศและปกป้องสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น  ดังนั้น อาจกล่าวได้ว่า ข่าวสารนิเทศของสถานทูตสหรัฐ ณ กรุงฮานอยเกี่ยวกับมติ ๗๒ ถือเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของเวียดนามอย่างอุกอาจ ซึ่งสร้างโอกาสให้องค์การและบุคคลที่ไม่หวังดีบิดเบือนทัศนคติ นโยบายและกฎหมายที่ถูกต้องของเวียดนาม ./.


ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด