ความหวังจากการเจรจา๔ฝ่ายเพื่อสันติภาพในยูเครน

(VOVworld) –  แม้ว่า การพบปะสุดยอด๔ฝ่ายระหว่างรัสเซีย ฝรั่งเศส เยอรมนี และยูเครนเพื่อแสวงหามาตรการแก้ปัญหาการสู้รบที่ดุเดือดในภาคตะวันออกยูเครน ณ กรุงมินส์ประเทศเบลารุส เมื่อวันที่๑๑เดือนนี้จะยังไม่มีผลสรุปที่ชัดเจนแต่บรรดานักวิเคราะห์ให้ข้อสังเกตว่า การพบปะครั้งนี้จะไม่ประสบความสำเร็จดังความปรารถนาและต้องใช้เวลาอีกนานเพื่อแสวงหามาตรการแก้ไขการปะทะในยูเครน

(VOVworld) – แม้ว่า การพบปะสุดยอด๔ฝ่ายระหว่างรัสเซีย ฝรั่งเศส เยอรมนี และยูเครนเพื่อแสวงหามาตรการแก้ปัญหาการสู้รบที่ดุเดือดในภาคตะวันออกยูเครน ณ กรุงมินส์ประเทศเบลารุส เมื่อวันที่๑๑เดือนนี้จะยังไม่มีผลสรุปที่ชัดเจนแต่บรรดานักวิเคราะห์ให้ข้อสังเกตว่า การพบปะครั้งนี้จะไม่ประสบความสำเร็จดังความปรารถนาและต้องใช้เวลาอีกนานเพื่อแสวงหามาตรการแก้ไขการปะทะในยูเครน

ความหวังจากการเจรจา๔ฝ่ายเพื่อสันติภาพในยูเครน - ảnh 1
รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียแสดงให้เห็นว่า การประชุมจะประสบผลสำเร็จสำคัญ 

การเจรจาเริ่มขึ้นด้วยการประชุมขยายวงค์โดยมีทั้งรัฐมนตรีต่างประเทศของ๔ฝ่ายและตัวแทนของกลุ่มพบปะต่างๆเข้าร่วม ต่อจากนั้นคือการประชุมระหว่างผู้นำ๔ประเทศรัสเซีย ฝรั่งเศส เยอรมนี และยูเครน ที่นอกห้องประชุมมีนักข่าวกว่า๕๐๐คนกำลังรอทำข่าวซึ่งแสดงให้เห็นว่า ปัญหาของยูเครนเป็นเหตุการณ์ที่ได้รับความสนใจจากประชามติโลก

ความขัดแย้งในแนวทางแก้ไขการปะทะ

ดูเหมือนว่า ความขัดแย้งระหว่างประเทศมหาอำนาจเกี่ยวกับวิกฤติการเมืองในยูเครนนับวันเพิ่มขึ้นซึ่งเมื่อสัปดาห์ก่อน สหรัฐประกาศว่า กำลังพิจารณาการจัดสรรอาวุธสังหารให้แก่ทางการเคียฟ เช่น จรวดต่อต้านรถถัง เรดาร์ต่อต้านปืนใหญ่และอุปกรณ์อื่นๆเพราะตามความเห็นของวอชิงตันนั้น ประเทศตะวันตกควรช่วยเหลือด้านอาวุธเพื่อให้กรุงเคียฟสามารถป้องกันตนเองซึ่งสิ่งนี้ทำให้ทุกฝ่ายมีท่าทีที่แตกต่างกัน เช่น รัสเซียประกาศว่า ถ้าสหรัฐจัดสรรอาวุธให้แก่ยูเครน รัสเซียก็จะตอบโต้ผ่านการช่วยเหลือทางทหารให้แก่กลุ่มที่ต้องการแยกตัวเป็นอิสระในยูเครนและจะถ่ายทอดเทคโนโลยีกลาโหมที่มีความอ่อนไหวเพื่อให้จีนพัฒนาอาวุธที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง นอกจากนี้ อิหร่านก็เป็นประเทศที่มีความ สัมพันธ์อันดีกับรัสเซีย แต่เนื่องจากการคว่ำบาตรของสหประชาชาติ รัสเซียจึงไม่อาจขายอาวุธหรือถ่ายทอดเทคโนโลยีอาวุธให้แก่อิหร่านอย่างเปิดเผยได้ ดังนั้นการกระทำดังกล่าวของสหรัฐในยูเครนอาจจะเป็นเงื่อนไขเพื่อให้รัสเซียทำลายคำสั่งคว่ำบาตรนี้

ในขณะเดียวกัน เยอรมนีและฝรั่งเศสก็คัดค้านการจัดสรรอาวุธให้แก่ยูเครนของสหรัฐและเห็นว่า การที่ประเทศตะวันตกจัดสรรอาวุธให้แก่ยูเครนมีแต่จะทำให้การปะทะยืดเยื้อออกไปและส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในภูมิภาคโดยในที่ประชุมความมั่นคงที่จัดขึ้น ที่เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี เมื่อเร็วๆนี้ ทั้งเบอร์ลินและปารีสต่างได้แสดงทัศนะว่า การจัดสรรอาวุธให้แก่ยูเครนเดินทวนหน้าที่ไกล่เกลี่ยปรองดองของเยอรมนีและฝรั่งเศส

จะมีการลงนามเอกสารเพื่อแก้ไขปัญหาได้หรือไม่

ทุกฝ่ายต่างรอคอยให้การประชุมครั้งนี้มีการลงนามแถลงการณ์ร่วมเพื่อมุ่งสู่การหยุดยิง และเป็นการปูทางไปสู่การสนทนาแห่งชาติซึ่งผลลัพท์เบื้องต้นก็เป็นไปตามที่คาดการณ์คือ ให้หยุดยิงทันที จัดตั้งเขตปลอดทหาร ถอนอาวุธหนัก วางกฎระเบียบให้แก่เขตต่างๆโดยกลุ่มลุกขึ้นสู้ของสาธารณรัฐประชาชนลูฮันสค์และสาธารณรัฐประชาชนโดเนสต์ที่แต่งตั้งเองควบคุมในขณะที่ยังคงรักษาบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครนซึ่งเป็นอันว่า แผนสันติภาพฉบับใหม่ต้องมีรายละเอียดและมีข้อผูกมัดเพิ่มขึ้นเพราะปัญหาเกี่ยวกับรายละเอียดที่ไม่ชัดเจนในเวลาที่ผ่านมาได้ส่งผลให้สถานการณ์บานปลาย ก่อนอื่นความตึงเครียดในปัจจุบันจะควบคุมได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐว่าจะจัดสรรอาวุธให้แก่ยูเครนหรือไม่ แต่นายโอบามากำลังถูกแรงกดดันจากหลายฝ่ายโดยเฉพาะจากสส.ในรัฐสภาที่เรียกร้องให้รัฐบาลมีปฏิบัติการที่เด็ดขาด

อีกปัญหาหนึ่งคือกฎระเบียบในเขตแบ่งแยกดินแดน ข้อตกลงสันติภาพมินส์ที่ได้รับการลงนาม เมื่อเดือนกันยายนปี๒๐๑๔ระบุว่า ส่งเสริมการสนทนาประชาชาติและจัดตั้งระบอบการกระจายอำนาจแต่กลุ่มแบ่งแยกดินแดนได้ปฏิเสธข้อเสนอนี้และจัดการเลือกตั้งรัฐสภาและประธานาธิบดีเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี๒๐๑๔ก่อนที่เสนอความต้องการผนวกเข้ากับรัสเซียแต่มอสโคว์ได้ปฏิเสธมาตรการนี้และมีความประสงค์ว่า กลุ่มแบ่งแยกดินแดนในยูเครนควบคุมพื้นที่ที่เพิ่งช่วงชิงได้แทนการส่งมอบคืนในสภาพเดิม ในขณะเดียวกัน ก่อนการเจรจา๔ฝ่าย สหรัฐได้ยืนยันว่า สนับสนุนความคิดริเริ่มของฝรั่งเศสและเยอรมนีแต่ไม่มีความเชื่อมั่นจะประสบความสำเร็จและสหรัฐยังจะมีความระแวงสงสัยว่า ถ้าบรรลุข้อตกลงสันติภาพ รัสเซียก็จะไม่ปฏิบัติด้วยความเต็มใจ

จนถึงปัจจุบันยังไม่มีสัญญาณแสดงให้เห็นว่า จะมีมาตรการที่ดีแม้แต่มาตรการในระยะสั้นเพื่อแก้ไขการปะทะที่รุนแรงที่สุดในประเทศตะวันตกนับตั้งแต่หลังสงครามเย็นที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า๕พัน๓ร้อยคนโดยการเจรจาครั้งนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในโอกาสสุดท้ายเพราะถ้าไม่บรรลุข้อตกลงสันติภาพ การปะทะอาจทวีความรุนแรงขึ้น./.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด