ปกป้องพื้นที่ปลูกข้าวเพื่อรักษาความมั่นคงด้านอาหาร

เวียดนามพยายามปกปกป้องพื้นที่ปลูกข้าวเพื่อมีส่วนร่วมต่อการรักษาความมั่นคงด้านอาหารอย่างยั่งยืน
          เวียดนามมีประชากรกว่าร้อยละ 70 ที่อาศัยในเขตชนบทและมีวิถีชีวิตผูกพันธ์กับอาชีพการปลูกข้าว ดังนั้นการปกป้องพื้นที่ปลูกข้าวก็เพื่อมีส่วนร่วมต่อการรักษาความมั่นคงด้านอาหารอย่างยั่งยืน ซึ่งถือเป็นหน้าที่ที่สำคัญของพรรคคอมมิวนิสต์และรัฐเวียดนามและเป็นเนื้อหาหลักในการประชุมครั้งที่สอง รัฐสภาเวียดนามสมัยที่ 13
          ตามข้อมูลสถิติของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จนถึงขณะนี้ เวียดนามมีพื้นที่การเกษตร 10 ล้านเฮ็กต้า ซึ่งเป็นพื้นที่ปลูกข้าวกว่า 4 ล้านเฮ็กต้าและในตลอด 10 ปีที่ผ่านมา พื้นที่ปลูกข้าวเกือบ 3 แสน 5 หมื่นเฮ็กต้าได้ถูกนำไปใช้ประโยชน์ในทางอื่น ดังนั้นแนวโน้มการลดลงของพื้นที่ปลูกข้าวในเวียดนาม โดยเฉพาะในเขตอุตสาหกรรมและเขตเศรษฐกิจสำคัญกำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยคาดว่าในปี 2020 เวียดนามจะมีพื้นที่ปลูกข้าวเหลือเพียง 3 แสนเฮ็กต้าเท่านั้น อีกทั้งปัญหานี้ก็น่าวิตกกังวลยิ่งในสภาวการณ์ที่เกิดปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและปัญหาน้ำทะเลหนุน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงด้านอาหารของโลกและเวียดนาม  นาย Ton Gia Huyen อดีตอธิบดีกรมควบคุมที่ดินเผยว่า            “ การนำพื้นที่ปลูกข้าวไปใช้ประโยชน์ในทางอื่นโดยไม่คำนึงถึงประสิทธิภาพในการพัฒนาเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนได้ส่งผลกระทบในทางลบต่อการผลิต วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนและความมั่นคงด้านอาหารของเวียดนาม

            ส่วนนาย Tran Dinh Thien หัวหน้าสถาบันเศรษฐศาสตร์เวียดนามเผยว่า สาเหตุที่พื้นที่ปลูกข้าวลดลงอย่างรวดเร็วนั้นก็เนื่องมาจากนักวางแผนยังไม่สามารถแสวงหาแนวทางที่ถูกต้องให้แก่แผนการใช้ที่ดิน ซึ่งมีการตั้งเขตอุตสาหกรรมโดยไม่สนใจข้อเท็จจริง ดังนั้น การพัฒนาอุตสาหกรรมที่ใช้เงินทุนและที่ดินมากเกินไปแต่กลับสร้างงานทำได้น้อยได้ทำให้ประชาชนมีความลำบากยากจนยิ่งขึ้น  เกี่ยวกับปัญหานี้  นาย Le Quoc Dung อดีตรองหัวหน้าคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจแห่งรัฐสภาเผยว่า มาตรการแก้ไขที่มีประสิทธิภาพคือ ต้องมียุทธศาสตร์การวางผังที่ดินทั่วไปและใช้ที่ดินให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆต่อการปกป้องพื้นที่ปลูกข้าว“พวกเราเรียกร้องให้มีการพิจารณาอย่างระมัดระวังในการนำที่ดินปลูกข้าวไปใช้ในด้านอื่น ซึ่งผมคิดว่า เราต้องวางแผนล่วงหน้านับร้อยปีเพราะว่า การสร้างที่ดินเกษตรต้องใช้เวลานับพันปี

            นาย Nguyen Manh Hien รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเผยว่า เพื่อแก้ไขอุปสรรคต่างๆในการใช้ที่ดินดังกล่าว จำเป็นต้องพึ่งพาความพยายามของทั้งระบบการเมืองและการกำหนดเขตพื้นที่ปลูกข้าวที่จะได้รับการปกป้อง ซึ่งรวมทั้งต้องมีเงื่อนไขอย่างเข้มงวดต่อการนำที่ดินเพื่อใช้ประโยชน์ในทางอื่นและลงโทษผู้กระทำผิด“รัฐบาลกำลังหารือเกี่ยวกับการวางผังที่ดินปลูกข้าวและเสนอมาตรการแก้ไขคือ ในเวลาข้างหน้า ท้องถิ่นจะกำหนดพื้นที่ปลูกข้าวและมีการชี้แจงอย่างชัดเจนและโปร่งใสเพื่อเป็นพื้นฐานให้รัฐบาลประกาศนโยบายช่วยเหลือเกษตรกรและท้องถิ่นในการวางผังพื้นที่ปลูกข้าว

            ปัจจุบัน กรมการเมืองได้อนุมัติแผนใช้ที่ดินจนถึงปี 2020 ที่รัฐบาลยื่นเสนอ โดยจะมีการเพิ่มขึ้นพื้นที่การเกษตรทั่วประเทศประมาณ 5 แสนเฮ็กต้า โดยเป็นพื้นที่ปลูกข้าว 3.8 ล้านเฮ็กต้าเพื่อรักษาความมั่นคงด้านอาหารของประเทศในระยะยาวและเพื่อการส่งออก นอกจากนี้ยังระบุว่า ท้องถิ่นแต่ละแห่งต้องมีการกำหนดพื้นที่ปลูกข้าวที่ต้องรักษาอย่างชัดเจนและส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการใช้ที่ดิน ตลอดจนต้องมีนโยบายช่วยเหลือเกษตรกรและท้องถิ่นที่ปลูกข้าว เช่น เพิ่มการลงทุนในด้านโครงสร้างพื้นฐาน การเพิ่มงบประมาณ การลดภาษีและสนับสนุนในด้านราคา เป็นต้น เพื่อให้เกษตรกรและท้องถิ่นที่ปลูกข้าวมีรายได้เท่ากับการนำที่ดินไปใช้ประโยชน์ในทางอื่น ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมการปกป้องที่ดินของเกษตรกรและท้องถิ่น  ควบคู่กันนั้น รัฐจะมีระเบียบการพิเศษเพื่อช่วยเหลือจังหวัดต่างๆ โดยไม่ให้มีการปรับที่ดินการเกษตรให้กลายเป็นเขตอุตสาหกรรม เขตรีสอร์ทและสนามกอล์ฟมากเกินไปเหมือนในช่วงเวลาที่ผ่านมา ดังนั้นจำเป็นที่จะต้องมีมาตรการอย่างพร้อมเพรียงและยุทธศาสตร์ที่เหมาะสมในการใช้ที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุดและปกป้องสถานะที่เป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับสองของโลกได้./.

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด