พัฒนาสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมในเวียดนาม

(VOVWORLD) - สถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมมีบทบาทสำคัญในการสร้างสรรค์และพัฒนาเศรษฐกิจของเวียดนาม โดยเฉพาะในสภาวการณ์โลกาภิวัตน์ในปัจจุบัน สัปดาห์การประชุมรัฐมนตรีสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมเอเปก 2017 ที่กำลังมีขึ้น ณ นครโฮจิมินห์คือโอกาสเพื่อให้สถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมเวียดนามพบปะสังสรรค์ เรียนรู้ประสบการณ์ในการพัฒนา อีกทั้งเป็นโอกาสเพื่อให้รัฐบาลปรับปรุงกลไกช่วยเหลือที่เหมาะสมให้มีความสมบูรณ์เพื่อให้สถานประกอบการเหล่านี้พัฒนาอย่างยั่งยืน
พัฒนาสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมในเวียดนาม - ảnh 1 การประชุมรัฐมนตรีสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมเอเปก 2017 (vietnamplus)

ปัจจุบัน สถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมคิดเป็นร้อยละ 98 ของสถานประกอบการทั้งหมดของเวียดนาม มีส่วนร่วมร้อยละ 40 ต่อจีดีพี ร้อยละ 30 ต่อรายรับงบประมาณแผ่นดิน สร้างงานทำร้อยละ 50 ให้แก่สังคม แต่เนื่องจากมีเงินทุนน้อย ดังนั้นสถานประกอบการขนาดและขนาดย่อมจึงขาดโอกาสในการพัฒนา ยกระดับ รวมทั้งการจัดหาเครื่องจักกรและอุปกรณ์ที่ทันสมัยเพื่อใช้งาน นอกจากนั้น สถานประกอบการเหล่านี้ยังประสบอุปสรรคในการหาและเจาะตลาด การจำหน่ายผลิตภัณฑ์เนื่องจากขาดข้อมูลเกี่ยวกับตลาด งานด้าน marketing ยังไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทำได้ยากและขีดความสามารถในการประกอบธุรกิจยังคงมีข้อจำกัด

สถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมเวียดนามแสวงหาแนวทางใหม่ในสภาวการณ์แห่งโลกาภิวัตน์

ในการสัมมนาเอเปก 020 Forum ในสัปดาห์การประชุมรัฐมนตรีสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมเอเปก 2017 ที่กำลังมีขึ้น ณ นครโฮจิมินห์ บรรดาผู้แทนซึ่งเป็นผู้บริหาร ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจและนักวิชาการจากเศรษฐกิจสมาชิกเอเปกได้แสดงความเห็นว่า สถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมต้องมีแนวทางเชิงยุทธศาสตร์ในกระบวนการพัฒนา นาย เจิ่นวันฟาต ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารบริษัท Robot ได้แสดงความเห็นว่า “สถานประกอบการเวียดนามต้องเข้าร่วมฟอรั่มเศรษฐกิจมากขึ้น เพราะปัจจุบัน เศรษฐกิจมีการผสมผสานเข้ากับกระแสโลก และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงอยู่ในกระบวนการเปลี่ยนแปลง ดังนั้น เราต้องเตรียมพร้อมก่อน เพื่อรับมือกับการเข้ามาของเศรษฐกิจต่างประเทศ ต้องขยายความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจตามแนวโน้มของเศรษฐกิจโลก ถ้าทำได้อย่างนี้ สถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมก็จะมีโอกาสคงอยู่และพัฒนาได้”

หลายประเทศในโลก รวมทั้งเวียดนามกำลังเรียกร้องให้สถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมเข้าร่วมห่วงโซ่การให้บริการโลจิสติกส์โลก เพราะนี่คือหนึ่งในหน่วยงานบริการที่มีความหมายสำคัญในด้านการค้าโลก นาย เจิ่นชี้หยุง ผู้อำนวยการบริษัทชี้ทึกโลจิสติกส์และสมาชิกของคณะกรรมการฝึกอบรมของสมาคมสถานประกอบการโลจิสติกส์เวียดนามได้แสดงความเห็นว่า หน่วยงานโลจิสติกส์สร้างโอกาสที่ยิ่งใหญ่ให้แก่การเข้าร่วมของสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมของเวียดนาม ปัจจุบัน  สถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมเวียดนามได้เข้าร่วมห่วงโซ่มูลค่าโลก และเรียนรู้ประสบการณ์จากเศรษฐกิจอื่นๆ เพื่อมีมาตรการและปฏิบัติการที่เป็นรูปธรรมเพื่อพัฒนา เวียดนามได้มีโครงการปฏิบัติงานแห่งชาติเกี่ยวกับการพัฒนาการบริการโลจิสติกส์ ดังนั้นเมื่อรัฐบาลและสถานประกอบการพัฒนาและบริหารโลจิสติกส์อย่างมีประสิทธิภาพก็จะมีส่วนร่วมยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันและพัฒนาสถานประกอบการและเศรษฐกิจ นาย เจิ่นชี้หยุง เผยต่อไปว่า “เพื่อให้สถานประกอบการเข้าใจและเข้าถึงโครงการนี้ ต้องมีกิจกรรมที่แตกต่างกัน แบ่งเป็นกลุ่ม ส่วนฝ่ายรัฐต้องมีนโยบายใหม่และมีเงินทุนเพื่อให้รัฐส่งเสริมกิจกรรมเพื่อดึงดูดการเข้าร่วมของสถานประกอบการ”

รัฐบาลเวียดนามอำนวยความสะดวกให้ดีที่สุดให้แก่สถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมพัฒนา

การที่รัฐสภาเวียดนามอนุมัติกฎหมายให้การช่วยเหลือสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมปี 2018 ถือเป็นการแปรนโยบายและแนวทางของพรรคและรัฐเกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจภาคเอกชนให้กลายเป็นความจริงและสร้างพลังขับเคลื่อนให้แก่สถานประกอบ ในการกล่าวปราศรัยต่อที่ประชุมพัฒนาสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมเมื่อเร็วๆนี้ นายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุกได้ย้ำว่า รัฐบาลได้ระบุอุปสรรคต่อการพัฒนาของสถานประกอบการ เช่นการเข้าถึงข้อกำหนดต่างๆเกี่ยวกับการรับรองสถานประกอบการที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง สถานประกอบการด้านเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์และสถานประกอบการด้านอุตสาหกรรมประกอบ รัฐบาลจะรวบรวมความคิดเห็นเพื่อจัดทำกลไกและนโยบายที่เสมอภาคระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนให้สอดคล้องกับธรรมเนียมปฏิบัติสากล

นายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุก ยังกล่าวถึงสถานการณ์สถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมประสบอุปสรรคในการเข้าถึงสินเชื่อ การจัดสรรข้อมูลและการช่วยเหลือสถานประกอบการในการเข้าถึงตลาดของสำนักงานที่เกี่ยวข้องที่ยังมีข้อจำกัด นายกรัฐมนตรีได้ย้ำว่า รัฐบาลจะพยายามเน้นแก้ไข 2 ประเด็นหลักคือสร้างสรรค์บรรยากาศการประกอบธุรกิจที่ยุติธรรม เป็นมิตร ส่งเสริมการลงทุน ค้ำประกันการปฏิบัติตามกฎหมาย โดยรัฐบาลจะมีมาตรการลดค่าใช้จ่ายในการผลิตและประกอบธุรกิจให้แก่สถานประกอบการ “รัฐบาลตรวจสอบข้อกำหนดและปฏิบัติมาตรการอย่างเคร่งครัดเพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้แก่สถานประกอบการ เช่นค่าใช้จ่ายในการทำระเบียบราชการเกี่ยวกับภาษี ศุลกากร ใบอนุญาต ค่าใช้จ่าย BOT โลจิสติกส์ การใช้โครงสร้างสาธารณะ โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบของรัฐ ซึ่งเป็นวงเงินที่สร้างอุปสรรคเป็นอย่างมากต่อสถานประกอบการที่พวกเราต้องวิจัยเพื่อลดภาระให้แก่สถานประกอบการ”

ในเวลาที่จะถึง รัฐบาลเวียดนามจะค่อยๆยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม ใช้ประโยชน์จากผลงานด้านเทคโนโลยีของการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 โดยเน้นสร้างสรรค์โครงสร้างพื้นฐานอย่างพร้อมเพรียงบนพื้นฐานเทคโนโลยีดิจิตอลและพัฒนาแหล่งบุคลากรที่มีคุณภาพสูงบนพื้นฐานเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทักษะการบริหารที่ก้าวหน้าเพื่อช่วยยกระดับประสิทธิภาพของสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด