พม่ามุ่งสู่ความมีเสถียรภาพเพื่อการพัฒนา

(VOVworld) – พม่าเพิ่งจัดการเลือกตั้งทั่วไปที่ถือว่ามีเสรีภาพและประชาธิปไตยมากที่สุดในรอบ 25 ปีที่ผ่านมา ซึ่งผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการจะประกาศในวันที่ 15 พฤศจิกายน แต่ไม่ว่าพรรคการเมืองใดจะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง ประเทศพม่าก็จะยังคงเดินหน้าเปิดประเทศและปฏิรูปประชาธิปไตยในปัจุบันต่อไป ซึ่งถือเป็นพื้นฐานให้พม่าพัฒนาเศรษฐกิจ นำชีวิตที่อิ่มหนำผาสุขมาให้แก่ประชาชนและยกระดับสถานะของตนบนเวทีโลก
(VOVworld) – พม่าเพิ่งจัดการเลือกตั้งทั่วไปที่ถือว่ามีเสรีภาพและประชาธิปไตยมากที่สุดในรอบ 25 ปีที่ผ่านมา ซึ่งผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการจะประกาศในวันที่ 15 พฤศจิกายน แต่ไม่ว่าพรรคการเมืองใดจะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง ประเทศพม่าก็จะยังคงเดินหน้าเปิดประเทศและปฏิรูปประชาธิปไตยในปัจุบันต่อไป ซึ่งถือเป็นพื้นฐานให้พม่าพัฒนาเศรษฐกิจ นำชีวิตที่อิ่มหนำผาสุขมาให้แก่ประชาชนและยกระดับสถานะของตนบนเวทีโลก
พม่ามุ่งสู่ความมีเสถียรภาพเพื่อการพัฒนา - ảnh 1
นางออง ซาน ซูจี หัวหน้าพรรคNLD พบปะกับผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง
(Photo Reuters)

ตามข้อมูลสถิติ ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งพม่าร้อยละ 80 จากจำนวนทั้งหมด 32 ล้านคนได้ออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ซึ่งอัตราดังกล่าวได้แสดงให้เห็นว่า ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งพม่าให้ความสนใจเป็นอย่างมากต่อการเลือกตั้งทั่วไปและอนาคตของประเทศ และแสดงความปรารถนาว่า พม่าจะมีรัฐบาลชุดใหม่ที่เดินตามเส้นทางการปฏิรูปดังกล่าวที่นับวันยิ่งให้การดูแลเอาใจใส่ต่อประชาชนมากขึ้นและพัฒนาประเทศบนเส้นทางการเปลี่ยนแลงใหม่ ซึ่งนี่ถือเป็นแนวทางที่เหมาะสมที่สุดเพื่อให้พม่ายกระดับสถานะในภูมิภาคและโลก
พื้นฐานที่สะดวก
ก่อนการเลือกตั้งครั้งนี้ เราสามารถมองเห็นการเปลี่ยนแปลงใหม่อย่างรวดเร็วของประเทศพม่าได้อย่างชัดเจนนับตั้งแต่เมื่อรัฐบาลพลเรือนขึ้นบริหารประเทศแทนรัฐบาลทางทหารเมื่อ 4 ปีก่อน ในด้านการเมือง สามารถเห็นได้ว่า มีการพัฒนาของพรรคการเมืองต่างๆ ซึ่งในการเลือกตั้งครั้งนี้ มีพรรคการเมืองกว่า 90 พรรคได้ส่งผู้ลงสมัคร 6 พันคนเข้าร่วม และเมื่อเร็วๆนี้ การบรรลุข้อตกลงหยุดยิงทั่วประเทศหรือ NCA ระหว่างพรรคสหสามัคคีและการพัฒนาหรือ USDPที่กุมอำนาจกับกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ถือเป็นก้าวเดินที่สำคัญที่สุดเพื่อมุ่งสู่สันติภาพอย่างยั่งยืน
ในด้านเศรษฐกิจ จากการถูกระบุในรายชื่อบรรดาประเทศยากจนที่สุดในโลกหลัง 2 ทศวรรษที่ถูกปิดล้อมและคว่ำบาตร ใน 3 ปีมานี้ เศรษฐกิจของพม่าได้มีการขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 7.6 ต่อปี และกลายเป็นตลาดแห่งการลงทุนและประกอบธุรกิจที่น่าสนใจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยธนาคารพัฒนาเอเชียหรือเอดีบีได้คาดว่า เศรษฐกิจของพม่าจะบรรลุอัตราการขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 9.5ต่อปีนับตั้งแต่ปัจจุบันจนถึงปี 2030 และรายได้เฉลี่ยต่อหัวประชากรจะเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 5 พันเหรียญสหรัฐในปี 2030 ส่วนกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟได้ประเมินว่า จากการมีแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ มีแรงงานที่เป็นคนรุ่นใหม่และสถานะทางเศรษฐกิจที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ พม่ามีความสะดวกมากในการพัฒนาเป็นศูนย์กลางด้านพลังงานและทรัพยากรที่เชื่อมโยงกับอินเดีย จีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นอกจากผลสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจ – สังคม ความเชื่อมั่นของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งพม่าเกี่ยวกับประเทศที่มีสันติภาพและเสถียรภาพนั้นนับวันยิ่งมีความเป็นไปได้สูงเมื่อพรรคการเมืองต่างๆได้ยืนยันในนโยบายการหาเสียงเลือกตั้งว่า จะเดินตามแนวทางประชาธิปไตยต่อไป ชาวพม่ากำลังได้รับผลสำเร็จจากกระบวนการเปลี่ยนแปลงใหม่และการปฏิรูปภายใต้การนำของพรรคUSDP ดังนั้นพรรคสันนิบาติแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยหรือ NLD ซึ่งมีนางออง ซาน ซูจี เป็นหัวหน้าพรรคก็ชูคำขวัญว่า “เปลี่ยนแปลง” ตามแนวทางที่เป็นรัฐบาลพลเรือนอย่างเต็มที่และค้ำประกันสิทธิมนุษยชน
พม่ามุ่งสู่ความมีเสถียรภาพเพื่อการพัฒนา - ảnh 2
ผู้สนับสนุนพรรค NLD (Photo AP)

ความท้าทายไม่น้อย
นักวิเคราะห์สถานการณ์เผยว่า หลังการเลือกตั้งปี 2015 รัฐบาลพม่าจะต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายอันใหญ่หลวง แม้ไม่ว่าพรรคใดจะชนะก็ตาม แต่ประชามติก็จะยังคงให้ความสนใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างพรรคการเมืองและกองกำลังติดอาวุธในพม่า เพราะเป็นปัจจัยชี้ขาดต่ออนาคตของพม่า นอกจากนี้ ความขัดแย้งด้านศาสนาก็ถือเป็นปัญหาที่ต้องให้ความสนใจเพราะว่าลัทธิหัวรุนแรงทางศาสนากำลังเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตทางการเมืองในพม่า
ควบคู่กันนั้น พม่าต้องจัดตั้งรัฐบาลที่ทำเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนอย่างจริงจัง นี่คือความปรารถนาและความหวังของชาวพม่าทุกคนเพราะว่าแม้ว่าเศรษฐกิจ – สังคมจะพัฒนาขึ้นแล้ว แต่ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวพม่าส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับการปรับปรุงมากนัก พม่ายังเป็นประเทศยากจนในเอเชียเพราะมีประชากร 1 ใน 3 จากจำนวนทั้งหมด 60 ล้านคนมีฐานะยากจน
รัฐบาลชุดใหม่ของพม่าจะต้องรับมือกับความลำบากและความท้าทายต่างๆทว่าความสำเร็จของการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนจะช่วยให้พม่ามีเสถียรภาพทางการเมืองเพื่อเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจ ซึ่งจะเป็นพื้นฐานสำคัญที่สุดเพื่อให้พม่าพัฒนาทุกด้านอย่างเข้มแข็งในเวลาข้างหน้า.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด