รายงานที่เดินสวนแนวโน้มการพัฒนาความสัมพันธ์เวียดนาม-สหรัฐ

(VOVWORLD) - เมื่อวันที่ 15 สิงหาคมปี 2017 กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐได้ประกาศรายงานประจำปี 2016 เกี่ยวกับเสรีภาพด้านศาสนาในโลก ซึ่งมีเนื้อหาส่วนหนึ่งที่กล่าวว่า รัฐบาลเวียดนามจำกัดการประกอบศาสนกิจขององค์กรศาสนาต่างๆ ซึ่งนี่ถือเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงอคติและขาดภาวะวิสัยเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เป็นจริงของชีวิตความเลื่อมใสและศาสนาในเวียดนาม
รายงานที่เดินสวนแนวโน้มการพัฒนาความสัมพันธ์เวียดนาม-สหรัฐ - ảnh 1นาง เลถิทูหั่ง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม 

 

ในแถลงการณ์คัดค้านรายงานประจำปี 2016 เกี่ยวกับเสรีภาพด้านศาสนาโลกของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามได้ยืนยันว่า นโยบายที่เสมอต้นเสมอปลายของรัฐเวียดนามคือให้ความเคารพและค้ำประกันสิทธิเสรีภาพด้านความเลื่อมใสและการนับถือศาสนาของประชาชน

ประชาชนได้รับสิทธิเสรีภาพด้านศาสนาและความเลื่อมใสอย่างสมบูรณ์

ขณะนี้ เวียดนามมีองค์กรศาสนา 38 แห่ง มีผู้ที่นับถือศาสนากว่า 24 ล้านคน ผู้ที่มีสมณศักดิ์ 8 หมื่นคนและมีศาสนสถานเกือบ 2 หมื่น 6 พันแห่ง ซึ่งมีอายุตั้งแต่เกือบสิบปีไปจนถึงนับพันปี ประชากรเวียดนามเกือบร้อยละ 95 มีความเลื่อมใสและนับถือศาสนา ทุกปีมีการจัดเทศกาลทางศาสนาระดับชาติและท้องถิ่นเกือบ 8 พัน 5 ร้อยเทศกาล ในรัฐธรรมนูญปี 1946 1959 1980 1992 และรัฐธรรมนูญปี 2013 ล้วนแต่ระบุว่า รัฐให้ความเคารพและค้ำประกันสิทธิเสรีภาพด้านความเลื่อมใสและการนับถือศาสนาของพลเมืองเวียดนาม โดยเฉพาะในรัฐธรรมนูญปี 2013 สิทธิเสรีภาพความเลื่อมใสและศาสนาถูกกำหนดควบคู่กับสิทธิมนุษยชน ซึ่งทำให้ได้รับการค้ำประกันอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

เพื่อแปรรัฐธรรมนูญปี 2013 ให้เป็นรูปธรรม เมื่อปี 2016 รัฐสภาเวียดนามได้อนุมัติกฎหมายความเลื่อมใสและศาสนาปี 2016 โดยมีข้อใหม่หลายข้อเพื่อค้ำประกันสิทธิเสรีภาพด้านศาสนาของพลเมืองให้ดีขึ้น สิทธิเสรีภาพและความเลื่อมใสด้านศาสนาได้รับการขยายกลายเป็น “สิทธิของทุกคน” มิใช่ของพลเมืองเวียดนามคนใดคนหนึ่ง รัฐเวียดนามยังปกป้องคุ้มครองสิทธิเสรีภาพด้านศาสนาของชาวต่างชาติในเวียดนาม กฎหมายความเลื่อมใสและศาสนา 2016 ระบุว่า “ชาวต่างชาติที่พำนักอาศัยอย่างถูกต้องตามกฎหมายในเวียดนามได้รับความเคารพและคุ้มครองสิทธิเสรีภาพด้านความเลื่อมใสและการนับถือศาสนาจากรัฐเวียดนาม ห้ามไม่ให้มีการเลือกปฏิบัติและหรือมีอคติเนื่องจากเหตุผลด้านความเลื่อมใสและการนับถือศาสนา ห้ามบังคับให้นับถือหรือไม่นับถือศาสนา หรือปฏิบัติตามความเลื่อมใส” ทุกข้อกำหนดเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพด้านความเลื่อมใสและศาสนาของเวียดนามสอดคล้องกับกฎหมายสากลเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนอย่างสมบูรณ์

การประกอบศาสนกิจในกรอบกฎหมายแห่งชาติ

ในทางเป็นจริงในทุกประเทศ กลุ่มอิทธิพลที่เป็นอริอยากแยกศาสนาออกจากการบริหารของรัฐ แต่ในเวียดนาม มีกลุ่มอิทธิพลที่วางแผนใช้ “เสรีภาพทางศาสนา” เพื่อปลุกกระแสต่อต้านเวียดนาม ดังนั้นจึงได้ยืนหยัดทัศนะด้านศาสนาว่า “สิทธิมนุษยชนสูงกว่าอธิปไตย” อีกทั้งกลุ่มเป้าหมายนี้ได้ฉกฉวยปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตของผู้ที่นับถือศาสนา การประกอบศาสนกิจและการปฏิบัตินโยบายด้านศาสนาที่เกี่ยวข้องถึงการเวนคืนที่ดิน การจ่ายเงินชดเชยที่เกี่ยวข้องถึงที่ดิน สถานที่บูชา การประกอบศาสนกิจของทางการทุกระดับเพื่อยุยงปลุกปั่นประชาชนและผู้ที่นับถือศาสนาทำลายทรัพย์สิน ต่อต้านเจ้าพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ทำลายความเป็นระเบียบเรียบร้อยทางสังคม

ต้องย้ำว่า เช่นเดียวกับทุกกิจกรรมต่างๆของสังคม การประกอบศาสนกิจในเวียดนามหรือประเทศอื่นต้องอยู่ในกรอบกฎหมายของรัฐ ทุกพฤติกรรมที่ละเมิดกฎหมายของพลเมือง ซึ่งถึงแม้นับถือศาสนาหรือไม่นับถือศาสนาก็ต้องถูกลงโทษตามกฎหมาย ในหลายปีที่ผ่านมา เวียดนามได้ปฏิบัติหลายมาตรการเพื่อป้องกัน ขัดขวางกิจกรรมของกลุ่มอิทธิพลที่เป็นอริหรือกลุ่มที่ฉกฉวยสิทธิเสรีภาพความเลื่อมใสและศาสนาเพื่อละเมิดความมั่นคงแห่งชาติ ความเป็นระเบียบเรียบร้อยทางสังคม และต่อต้านรัฐตามข้อกำหนดของกฎหมาย

เดินสวนความสัมพันธ์ร่วมมือเวียดนาม-สหรัฐ

รายงานประจำปีเกี่ยวกับเสรีภาพด้านศาสนาโลก รวมทั้งปัญหาศาสนาในเวียดนามคือรายงานประจำปีที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเรียบเรียงจัดทำตั้งแต่สมัยสงครามเย็น ซึ่งในขณะนั้นเวียดนามและสหรัฐได้อยู่ในกระบวนการเผชิญหน้า แต่ปัจจุบัน เวียดนามและสหรัฐได้กลายเป็นหุ้นส่วนในทุกด้าน เอกสาร “หุ้นส่วนในทุกด้าน” ที่ผู้นำเวียดนามและสหรัฐลงนามเมื่อปี 2013 ได้ยืนยันหลักการว่า ทุกฝ่ายให้ความเคารพกฎบัตรสหประชาชาติและระบอบการเมืองอีกฝ่าย

ถึงแม้รายงานประจำปี 2016 เกี่ยวกับเสรีภาพด้านศาสนาโลกของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐได้ปรับปรุงเนื้อหาเกี่ยวกับเวียดนาม แต่ก็ยังไม่สะท้อนสถานการณ์ที่เป็นจริงเกี่ยวกับชีวิตความเลื่อมใสและศาสนาในเวียดนามอย่างถูกต้อง ซึ่งไม่เพียงแต่เดินสวนกับความสัมพันธ์ “หุ้นส่วนในทุกด้าน” ที่ผู้นำทั้งสองประเทศได้ลงนามเท่านั้น หากยังส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศและน้ำใจของสองประชาชาติ สร้างอุปสรรคต่อความสัมพันธ์ร่วมมือที่กำลังพัฒนาระหว่างเวียดนามกับสหรัฐ.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด