สิทธิเสรีภาพหรือความหลอกหลอนชาวอเมริกัน

(VOVworld)-ภายหลังเกิดเหตุกราดยิงอย่างบ้าคลั่งในเวลาที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจนครบาลนิวยอร์คประเทศสหรัฐก็ได้เรียกร้องให้เครือข่ายสังคมออนไลน์ทวิตเตอร์เปิดเผยชื่อสมาชิกคนหนึ่งที่ส่งข้อความข่มขู่ว่าจะก่อเหตุกราดยิงที่โรงละคร บรอดเวย์ ซึ่งข่าวนี้ได้ทำให้ประชามติตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมเหตุใช้ความรุนแรงและกราดยิงประชาชนได้เกิดขึ้นบ่อยครั้งที่สหรัฐ หรือเป็นผลจากการปฏิบัติสิ่งที่เรียกว่าสิทธิเสรีภาพของชาวอเมริกัน

(VOVworld)- ภายหลังเกิดเหตุกราดยิงอย่างบ้าคลั่งในเวลาที่ผ่านมาซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากนั้น เมื่อวันที่ 8สิงหาคม สำนักงานตำรวจนครบาลนิวยอร์คประเทศสหรัฐก็ได้เรียกร้องให้เครือข่ายสังคมออนไลน์ทวิตเตอร์เปิดเผยชื่อสมาชิกคนหนึ่งที่ส่งข้อความข่มขู่ว่าจะก่อเหตุกราดยิงที่โรงละคร บรอดเวย์ เหมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในระหว่างการฉายภาพยนตร์เรื่องThe dark knight rise เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน ซึ่งข่าวนี้ได้ทำให้ประชามติตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมเหตุใช้ความรุนแรงและกราดยิงประชาชนได้เกิดขึ้นบ่อยครั้งที่สหรัฐ หรือเป็นผลจากการปฏิบัติสิ่งที่เรียกว่าสิทธิเสรีภาพของชาวอเมริกัน
สิทธิเสรีภาพหรือความหลอกหลอนชาวอเมริกัน   - ảnh 1
สหรัฐก็ต้องขวัญผวาอีกครั้งกับเหตุคนร้ายกราดยิงภายในวัดซิกข์ที่เมือง มิลวอกี มลรัฐวิสคอนซิน (internet)

หลังเหตุกราดยิงนองเลือดที่โรงภาพยนตร์ชานนครเดนเวอร์ รัฐโคโลราโดของสหรัฐทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 12 คนและผู้บาดเจ็บ 59 ราย ประเทศสหรัฐก็ต้องขวัญผวาอีกครั้งกับเหตุคนร้ายกราดยิงภายในวัดซิกข์ที่เมือง มิลวอกี มลรัฐวิสคอนซิน ฆ่าผู้บริสุทธิ์อย่างน้อย7คน และนี่เป็นเพียงโศกนาฏกรรม2ครั้งล่าสุดที่กำลังทวีความรุนแรงในสหรัฐเท่านั้นเพราะอันที่จริง ชาวอเมริกันได้เจอกับเหตุการยิงกันในที่สาธารณะลักษณะเช่นนี้มานานแล้วและประเทศสหรัฐก็เคยจัดพิธีไว้อาลัย ทำการวิเคราะห์ว่าเป็นการก่อการร้ายหรือไม่ตลอดจนหารือเรื่องการควบคุมการใช้อาวุธหลายครั้ง แต่สถานการณ์กลับไม่เห็นแนวโน้มลดลงหากได้เพิ่มขึ้นทั้งด้านจำนวนและระดับความรุนแรง รวมไปถึงการซื้อขายอาวุธก็ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหลังเหตุกราดยิงแต่ละครั้ง โดยเมื่อเดือนมกราคมปี2011 รายได้จากการขายอาวุธปืนที่มลรัฐ อริโซนา ได้เพิ่มขึ้นร้อยละ60หลังเหตุกราดยิงที่มีผู้เสียชีวิต6คนและบาดเจ็บกว่า10คน ส่วนเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักงานสืบสวนมลรัฐโคโลราโดได้เปิดเผยว่าได้ทำการตรวจสอบและอนุมัติเอกสารขออนุญาตมีอาวุธปืนไว้ในครองเกือบ2900ฉบับ เพิ่มขึ้นร้อยละ43เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน ในขณะที่บริษัทผลิตปืน Sturm. Ruger & Co ที่มลรัฐคอนเน็กติกัตต้องงดรับใบสั่งหลังจากที่จำนวนใบสั่งซื้ออาวุธปืนได้เพิ่มขึ้นเป็นกว่า1ล้านกระบอกภายใน3เดือนต้นปีนี้  ส่วนเมื่อปี2011จากข้อมูลที่รวบรวมได้ปรากฎว่าจำนวนปืนที่ถูกขายในสหรัฐมีเกือบ11ล้านกระบอกและตัวเลขนี้จะเพิ่มขึ้นอีกมากในปี2012  ส่วนตามข้อมูลขององค์กรที่ไม่ขึ้นกับรัฐบาลที่ได้ประกาศเปิดการรณรงค์ป้องกันความรุนแรงจากอาวุธปืนนั้นระบุว่า ในสหรัฐทุกๆนาทีจะมีปืน12กระบอกขายออกอย่างถูกกฎหมายและปัจจุบันมีอาวุธปืนเกือบ300ล้านกระบอกอยู่ในการครอบครองของบุคคล ซึ่งคิดเกือบปราชาชน1คนต่อปืน1กระบอกและ4จาก10ครอบครัวมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยมีหลายครอบครัวมีปืนถึง7กระบอกไว้เป็นการสะสม สำหรับอัตราเหตุฆ่าตกรรมด้วยอาวุธปืนในสหรัฐนั้นคิดเป็นร้อยละ19.5ซึ่งถือว่าสูงกว่าหลายเท่าเมื่อเทียบกับประเทศที่ร่ำรวยอื่นๆโดยในจำนวน23ประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลกนั้น ชาวอเมริกันมีอัตราการเสียชีวิตจากอาวุธปืนถึงร้อยละ80

สิทธิเสรีภาพหรือความหลอกหลอนชาวอเมริกัน   - ảnh 2
ชาวสหรัฐไว้อาลัยผู้เสียชีวิต (internet)
ขณะที่สถานการณ์คนร้ายกราดยิงประชาชนได้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในสหรัฐและการใช้อาวุธปืนก็ถือเป็นสิทธิที่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญแล้ว ข้อถกเถียงเกี่ยวกับปัญหาการประกาศร่างกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาวุธปืนก็ยังไม่สามารถยุติลงได้ โดยทั้งฝ่ายที่คัดค้านและฝ่ายให้การสนับสนุนถือครองอาวุธปืนส่วนบุคคลต่างมีเหตุผลเฉพาะของตนคือต้องห้ามขายอาวุธเพราะมีความอันตรายต่อสังคมมากเกินไป แต่อีกฝ่ายกลับอ้างเหตุผลเพราะสถานการณ์ไม่สงบจึงทำให้ประชาชนต้องซื้ออาวุธปืนเพื่อป้องกันตนเองและการห้ามซื้ออาวุธปืนถือเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน สำหรับประธานาธิบดีสหรัฐ บารักโอบามา เองนี่ก็เป็นช่วงเวลาที่ยากตัดสินใจเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าวเนื่องจากในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี เขาไม่อยากสูญเสียคะแนนสนับสนุนจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่มลรัฐหลายแห่งเช่น โอไฮโอ เพนซิลวาเนียและเวอร์จิเนีย ซึ่งเป็นเขตที่มีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจำนวนมากอยากคงไว้สิทธิ์ถือครองอาวุธปืนส่วนบุคคลที่ถูกระบุในรัฐธรรมนูญสหรัฐมานานแล้ว ส่วนกลุ่มที่สนับสนุนการถือครองอาวุธปืนส่วนบุคคลนำโดยสมาพันธ์อาวุธปืนแห่งชาติก็มีแหล่งการเงินมหาศาลและมีอิทธิพลมากพอสมควรในวอชิงตัน

จากสถานการณ์ที่เป็นจริงก็สามารถเห็นได้ว่า โดยไม่นำพาต่อคำเรียกร้องแก้ไขสถานการณ์หลังเหตุกราดยิงครั้งต่างๆ สหรัฐก็ยังไม่มีความพร้อมทางการเมืองเพื่อยุติปัญหาที่ยืดเยื้อเป็นเวลานานเกี่ยวกับการควบคุมการใช้อาวุธปืน โดยในช่วงที่บริหารประเทศเมื่อปี1977มาจนถึงปี1981 อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ จิมมี คาร์เตอร์ ได้ยืนหยัดการเรียกร้องห้ามใช้อาวุธแบบโจมตี ส่วนเมื่อปี1994อดีตประธานาธิบดีบิลล์คลินตันก็ได้ลงนามกฎหมาย2ฉบับที่มุ่งเพิ่มความเข้มงวดในการใช้อาวุธ แต่บรรดากฎหมายเหล่านี้ได้หมดอายุการบังคับใช้ตั้งแต่ปี2004แล้วและจนถึงปัจจุบันความพยายามต่างๆเพื่อปรับปรุงกฎหมายเหล่านี้ก็ยังไม่สำเร็จ อีกทั้งความคิดของชาวอเมริกันต่อสถานการณ์การใช้ความรุนแรงด้วยอาวุธปืนก็ไม่มีความเปลี่ยนแปลง โดยจากผลการสำรวจเมื่อเร็วๆนี้ปรากฎว่า ชาวอเมริกันร้อยละ49ให้ความสำคัญกับการคุ้มครองสิทธิการถือครองอาวุธปืนส่วนบุคคลในขณะที่ประชาชนร้อยละ45ที่ได้รับการสอบถามให้การสนับสนุนการควบคุมอาวุธอย่างเข้มงวดมากขึ้น  ส่วนอีกหลายคนได้แสดงความเห็นว่า ปืนไม่ได้ฆ่าคนมีแต่คนที่ใช้ปืนเพื่อฆ่ากันเท่านั้น  แต่ในยุคแห่งการพัฒนาอุตสาหกรรม เมื่อมนุษย์สามารถตกสู่ภาวะความตึงเครียดและไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ง่ายขึ้น บวกกับการที่สามารถถือครองอาวุธปืนได้อย่างง่ายดายก็ยิ่งสร้างความอันตรายให้แก่ชีวิตของชุมชนมากขึ้น และเมื่อไหร่ที่สหรัฐยังไม่สามารถมีความเห็นพ้องในกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาวุธที่เข้มงวดมากขึ้น ชาวอเมริกันก็จะทนกับชีวิตที่ต้องเสี่ยงตายต่อไป./.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด