สมาชิกรัฐสภาแสดงความคิดเห็นต่อร่างเอกสารการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคสมัยที่ 12

(VOVworld) – ในการประชุมครั้งที่ 10 รัฐสภาเวียดนามสมัยที่ 13 สมาชิกรัฐสภาได้แสดงความคิดเห็นต่อร่างเอกสารการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามสมัยที่ 12 โดยเฉพาะมาตรการแก้ไขและแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจ
(VOVworld) – ในการประชุมครั้งที่ 10 รัฐสภาเวียดนามสมัยที่ 13 สมาชิกรัฐสภาได้แสดงความคิดเห็นต่อร่างเอกสารการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามสมัยที่ 12 โดยเฉพาะมาตรการแก้ไขและแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจ
สมาชิกรัฐสภาแสดงความคิดเห็นต่อร่างเอกสารการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคสมัยที่ 12 - ảnh 1
สมาชิกรัฐสภาหารือถึงปัญหาต่างๆของประเทศ(ภาพประกอบข่าว)

การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามสมัยที่ 12 จะมีขึ้นในต้นปี 2016 ดังนั้น ในการประชุมครั้งนี้ สมาชิกรัฐสภาทุกนายจึงเน้นแสดงความคิดเห็นต่อร่างเอกสารการประชุมฯ ซึ่งถือเป็นยุทธศาสตร์ในภารกิจการสร้างสรรค์และพิทักษ์รักษาปิตุภูมิในยุคแห่งการผสมผสานเข้าสู่กระแสโลก
สถานประกอบการเป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญในภารกิจการพัฒนาเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่ทันสมัย
สมาชิกรัฐสภาหลายนายได้ประเมินว่า ร่างเอกสารการประชุมสามัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามสมัยที่ 12 ได้วิเคราะห์และประเมินสถานการณ์อย่างถูกต้องและตรงไปตรงมาต่อการพัฒนาทุกด้านของเศรษฐกิจและสังคม พร้อมทั้งวางเป้าหมายการพัฒนาอย่างเหมาะสม ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์และค้ำประกันความเป็นไปได้ในการปฏิบัติ สมาชิกรัฐสภาได้เห็นพ้องกับร่างเอกสารฯเกี่ยวกับข้อกำหนดที่ระบุว่า สถานประกอบการเป็นภาคเศรษฐกิจหลักในภารกิจการพัฒนาเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่ทันสมัย นายเหงียนกว๊กบิ่งห์ สมาชิกรัฐสภากรุงฮานอยเผยว่า “รัฐธรรมนูญปี 2013 ก็ระบุว่า สถานประกอบการเป็นกองกำลังสำคัญ ส่วนในมติฉบับก่อนยังไม่มีการมอบหมายภารกิจการพัฒนาเป็นประเทศอุตสาหกรรมให้แก่สถานประกอบการแต่ในครั้งนี้ได้ระบุอย่างชัดเจนว่า สถานประกอบการเป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญและเป็นแกนหลักในภารกิจดังกล่าว ในแนวทางต่างๆก็มีการระบุอย่างชัดเจนว่า ต้องร่างนโยบายให้สถานประกอบการเป็นกองกำลังเดินหน้าและเป็นแกนหลักอย่างจริงจังในภารกิจการพัฒนาเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่ทันสมัย เพื่อให้การชี้นำเป็นไปในทางเดียวกัน”
การระบุตลาดเป็นปัญหาขั้นพื้นฐาน รัฐต้องเป็นผู้กำกับดูแลการเคลื่อนไหวของเศรษฐกิจบนพื้นฐานการตลาด นี่เป็นจุดเด่นใหม่เมื่อเทียบกับมติของการประชุมใหญ่พรรคสมัยที่ 11 นอกจากนี้ ร่างเอกสารการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามสมัยที่ 12 ยังได้ระบุว่า รัฐถือการตลาดเป็นเป้าหมายและเป็นพื้นฐานในการบริหาร การจัดสรรแหล่งพลังและบริหารการพัฒนาเศรษฐกิจ
พัฒนาเศรษฐกิจในเชิงลึก
เนื้อหาที่ได้รับความสนใจจากสมาชิกรัฐสภาคือ รูปแบบการขยายตัวในเชิงลึก โดยการเพิ่มผลผลิตเป็นส่วนใหญ่เนื่องจากมีแรงงานทักษะสูงที่ได้รับการฝึกอบรมและสามารถประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี นายเหงียนฟีเถื่อง สมาชิกรัฐสภากรุงฮานอยแสดงความคิดเห็นว่า “ปัญหาสำคัญของเวียดนามในปัจจุบันคือต้องผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจในเชิงลึก คือเปลี่ยนจากปริมาณไปเป็นคุณภาพ ซึ่งเราต้องทำ 3 อย่างคือ เปลี่ยนแปลงวิธีการจัดสรรแหล่งพลังที่มีคุณภาพให้แก่เศรษฐกิจ สองคือ ส่งเสริมให้สถานประกอบการลงทุนและประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สามคือ ต้องให้ความสนใจถึงการฝึกอบรมแหล่งบุคลากร โดยเฉพาะบุคลากรที่มีคุณภาพสูง ซึ่งปัจจัย 3 อย่างดังกล่าวล้วนอาศัยการเปลี่ยนแปลงแนวความคิดและการปรับปรุงระเบียบ”
ในการหารือที่หอประชุม สมาชิกรัฐสภาได้ย้ำถึงมาตรการแก้ไขเพื่อปฏิบัติร่างโครงการทั่วไปเกี่ยวกับการปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจและโครงสร้างหน่วยงานต่างๆ ซึ่งเน้นถึง 3 ด้านคือ การปรับปรุงโครงสร้างของการลงทุนภาครัฐ โครงสร้างของระบบการเงินและธนาคาร โดยเฉพาะธนาคารพาณิชย์และการปรับปรุงสถานประกอบการภาครัฐ โดยเฉพาะกลุ่มบริษัทและเครือบริษัทภาครัฐ

สมาชิกรัฐสภาแสดงความคิดเห็นต่อร่างเอกสารการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคสมัยที่ 12 - ảnh 2
ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาสถานประกอบการภาคเอกชน

ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาสถานประกอบการภาคเอกชน
ในรายงานการเมืองที่จะยื่นเสนอต่อการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคสมัยที่ 12 ได้เน้นถือเศรษฐกิจภาคเอกชนเป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ เศรษฐกิจภาคเอกชนส่วนใหญ่คือสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ่งเนื้อหาใหม่นี้ถือเป็นก้าวกระโดดของร่างเอกสารการประชุมครั้งนี้ นายเหงียนก๊วกบิ่งห์ สมาชิกรัฐสภากรุงฮานอยเผยว่า “มติการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามสมัยที่ 11 เพียงแต่ระบุถึงเศรษฐกิจภาคต่างๆ รวมทั้งภาคเอกชนเท่านั้นแต่ในมติของการประชุมใหญ่พรรคสมัยที่จะถึงได้มีการระบุอย่างชัดเจนเกี่ยวกับการปรับปรุงกลไก นโยบาย ส่งเสริมและอำนวยความสะดวกให้แก่การพัฒนาของเศรษฐกิจภาคเอกชนในเกือบทุกด้านของเศรษฐกิจ และกลายเป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญให้แก่ระบบเศรษฐกิจ ซึ่งสร้างพื้นฐานให้พวกเราพัฒนาเศรษฐกิจตามแนวทางเชิงตลาดและระดมพลังทุกแหล่งในสังคมเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจ”
สมาชิกรัฐสภาเผยว่า ตัวเลขสถานประกอบการ 5แสนแห่งในปัจจุบันยังถือว่าต่ำ ซึ่งต้องเพิ่มขึ้นเป็น 2 ล้านแห่งภายในปี 2020 นอกจากนี้ รัฐก็ต้องปรับปรุงระเบียบเศรษฐกิจเชิงตลาดให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้นและวางแนวทางตามเงื่อนไขการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันอย่างยุติธรรมระหว่างสถานประกอบการทุกภาคส่วน
สามารถยืนยันได้ว่า สมาชิกรัฐสภาได้แสดงความคิดเห็นต่อร่างเอกสารฉบับดังกล่าวอย่างจริงจังและมีความรับผิดชอบ ซึ่งมีส่วนร่วมพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะในช่วงที่เวียดนามกำลังผสมผสานเข้ากับกระแสโลกอย่างกว้างลึกมากขึ้น.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด