สร้างประวัติศาตร์หน้าใหม่ในความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับคิวบา

(VOVworld) –  ในการเจรจาครั้งนี้ คณะผู้แทนสหรัฐนำโดยนางโรแบกตา จาคอปสันรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฝ่ายลาติอเมริกาและฝ่ายคิวบานำโดยนางโจเซฟีนา วีดาลอธิบดีกรมฝ่ายปัญหาที่เกี่ยวข้องถึงสหรัฐได้เน้นเจรจาเกี่ยวกับปัญหาคนเข้าเมืองและการแต่งตั้งเอกอัครราชทูตในแต่ละประเทศ

(VOVworld) –  ในระหว่างวันที่๒๑ถึงวันที่๒๔เดือนนี้ ที่กรุงฮาวานา ประเทศคิวบาได้มีการจัดการเจรจาระหว่างสหรัฐกับคิวบาเกี่ยวกับการปรับความสัมพันธ์ทางการทูตให้เป็นปกติ ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนเพื่อมุ่งสู่การฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างสมบูรณ์ที่ถูกทิ้งช่วงมากว่าครึ่งศตวรร

สร้างประวัติศาตร์หน้าใหม่ในความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับคิวบา - ảnh 1
การเจรจาครั้งแรกระหว่างสหรัฐกับคิวบาที่กรุงฮาวาน่าประเทศคิวบา( Photo:CNBC)

ในการเจรจาครั้งนี้ คณะผู้แทนสหรัฐนำโดยนางโรแบกตา จาคอปสันรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฝ่ายลาติอเมริกาและฝ่ายคิวบานำโดยนางโจเซฟีนา วีดาลอธิบดีกรมฝ่ายปัญหาที่เกี่ยวข้องถึงสหรัฐได้เน้นเจรจาเกี่ยวกับปัญหาคนเข้าเมืองและการแต่งตั้งเอกอัครราชทูตในแต่ละประเทศ

ก่อนการเจรจานี้  ทั้งสองฝ่ายได้ดำเนินมาตรการต่างๆเพื่อผลักดันความสัมพันธ์ซึ่งสหรัฐได้ยกเลิกการห้ามเดินทางเข้าประเทศและคำสั่งคว่ำบาตรทางการค้าต่อคิวบาส่วนหนึ่ง ส่วนคิวบาได้ปล่อยตัวนักเคลื่อนไหวทางการเมืองฝ่ายค้าน๕๓คน คณะผู้แทนสส.อเมริกันที่สนับสนุนการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตและยกเลิกคำสั่งคว่ำบาตรได้เดินทางไปเยือนคิวบาในระหว่างวันที่๑๖ถึงวันที่๑๘เดือนนี้เพื่อหารือกับกระทรวงต่างๆของคิวบาเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนทางการค้าในอนาคต

สร้างความไว้วางใจ

หลังคำประกาศและกิจกรรมต่างๆเพื่อปรับความสัมพันธ์ให้เป็นปกติระหว่างผู้นำทั้งสองประเทศเมื่อปลายปี๒๐๑๔ การเจรจาครั้งนี้ถือเป็นโอกาสทางประวัติศาสตร์เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายกระเถิบเข้าใกล้กัน แม้ว่า ในเวลาที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายได้มีกิจกรรมแสดงให้เห็นเจตนาดีพร้อมที่จะมองข้ามข้อขัดแย้งในอดีตแต่ก็แน่นอนว่า การฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศจะต้องใช้เวลาเพราะปัญหาทางประวัติศาสตร์ไม่อาจแก้ไขได้เพียงชั่วข้ามคืน

ปัญหาแรกคือปัญหาคนเข้าเมืองที่ได้สร้างความขัดแย้งระหว่างสองฝ่ายในหลายทศวรรษที่ผ่านมาโดยคิวบาปฎิเสธนโยบาย“เท้าเปียกเท้าแห้ง”ของสหรัฐซึ่งสหรัฐกำหนดว่า พลเมืองคิวบาที่ถูกหน่วยยามฝั่งสหรัฐจับกุมในเขตทะเลของสหรัฐก็จะถูกส่งกลับไปยังคิวบาแต่ถ้าหากเข้าถึงแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐแล้วจะได้รับวีซ่าอยู่อาศัยหรือบัตรARCหลังจากยื่นบัตรประชาชนคิวบาต่อทางการสหรัฐซึ่งนโยบายนี้ได้กระตุ้นให้เกิดกระแสการเข้าประเทศสหรัฐอย่างผิดกฎหมายโดยชาวคิวบาพร้อมที่จะเสี่ยงชีวิตในทะเลเพื่อข้ามแดนไปยังสหรัฐ คิวบาได้ตำหนินโยบายนี้ของสหรัฐหลายครั้งแล้วว่า ไม่สอดคล้องกับโครงการร่วมมือทวิภาคีในการป้องกันการเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายและการค้ามนุษย์ เมื่อเดือนกรกฎาคมปี๒๐๑๔ เจ้าหน้าที่ของทั้งสองประเทศได้มีการพบปะหารือเกี่ยวกับปัญหาคนเข้าเมืองแต่ไม่ประสบผลสำเร็จ อีกปัญหาหนึ่งที่ถูกหยิบยกขึ้นมาหารือในการเจรจาครั้งนี้คือ การถอนประเทศคิวบาออกจากบัญชีรายชื่อประเทศที่สนับสนุนการก่อการร้ายเพราะได้สร้างอุปสรรคให้แก่คิวบาในการเข้าถึงสถาบันการเงินระหว่างประเทศ และสุดท้ายคือการยกเลิกข้อจำกัดของคิวบาต่อการเดินทางเข้าคิวบาของนักการทูตอเมริกัน

ทั้งนี้การเจรจาครั้งนี้เป็นเพียงการพบปะเพื่อสร้างความไว้วางใจในเบื้องต้นเท่านั้นเพราะ แม้จะมีความพยายามและเจตนาดีแต่กระบวนการปรับความสัมพันธ์ให้เป็นปกติยังต้องประสบกับอุปสรรคหลายอย่างโดยทางฝ่ายสหรัฐคือแรงกดดันจากสส.พรรครีพับลิกันที่กำลังกุมอำนาจในรัฐสภา ส่วนที่คิวบาคือการคัดค้านของชาวคิวบาที่กำลังอาศัยในสหรัฐและบางประเทศในโลก ในกว่า๕๐ปีที่ถูกผลกระทบจากนโยบายคว่ำบาตรของสหรัฐ ในจิตสำนึกของประชาชนคิวบา ดูเหมือนว่า พวกเขาไม่อาจลืมความทรงจำในอดีตจนมีความระแวงสงสัยเกี่ยวกับกระบวนการดังกล่าวอย่างแน่นอน

ระยะทางที่ยาวไกลข้างหน้า

คำถามที่ประชามติกำลังให้ความสนใจในปัจจุบันคือ กระบวนการปรับความสัมพันธ์ให้เป็นปกติจะต้องใช้เวลาเท่าไหร่ โดยไม่สนใจต่อการไม่สนับสนุนและอคติ ได้มีการคาดการณ์ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับคิวบาจะมีความคืบหน้าที่ดีเพราะทั้งสองประเทศมีความได้เปรียบจากการที่ชายฝั่งทะเลห่างกันเพียง๑๔๕กิโลเมตรเท่านั้นซึ่งส่งผลดีต่อการค้าและการคมนาคม สิ่งที่สำคัญคือระหว่างสองประเทศไม่มีปัญหาเกี่ยวกับผลกระทบจากสงคราม ในหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลคิวบาได้ดำเนินนโยบายปฏิรูปทางเศรษฐกิจอย่างเข้มแข็ง แม้ว่าคิวบาธำรงแนวโน้มสังคมลาตินอเมริกา แต่ทั้งสองฝ่ายยังคงสามารถผลักดันความร่วมมือหลังการปรับความสัมพันธ์ให้เป็นปกติอย่างรวดเร็วและสะดวกได้

ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับคิวบาเป็นหนึ่งในความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนในประวัติศาสตร์โลกในกว่าครึ่งศตวรรษที่เต็มไปด้วยมรสุม ดังนั้น เพื่อปรับความสัมพันธ์ให้เป็นปกติอย่างสมบูรณ์ต้องใช้เวลาพร้อมกับความพยายามของทั้งสองฝ่าย อย่างไรก็ดี ขณะนี้ ทั้งสองฝ่ายได้มีก้าวเดินในเบื้องต้นและสิ่งที่ยากที่สุดนั่นคือการปิดฉากในอดีต สร้างเจตนาดี เตรียมพร้อมให้แก่ความสัมพันธ์อยู่ร่วมกันบนพื้นฐานของการเคารพความแตกต่างโดยการเจรจาครั้งนี้เป็นก้าวเดินแรกเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายกระเถิบเข้าใกล้กันและมุ่งสู่ความไว้วางใจกันในระยะยาว ./.

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด