หน่วยข่าวกรองกลางสหรัฐตกเข้าสู่สภาวะกลืนไม่เข้าคลายไม่ออก

(VOVWorld) – การที่นายEdward Snowden อดีตเจ้าหน้าที่ข่าวกรองกลางแห่งสหรัฐหรือซีไอเอออกมาเปิดโปงโครงการสอดแนมข้อมูลลับบนอินเตอร์เนตของพลเมืองอเมริกันทั้งในและต่างประเทศของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐหรือNSAในหลายปีที่ผ่านมาได้ทำให้ทั้งประเทศสหรัฐต้องสั่นสะเทือนและส่งผลเสียอย่างใหญ่หลวงต่อนโยบายต่างประเทศของทางการประธานาธิบดีบารัก โอบามา อีกทั้งสร้างความแตกร้าวระหว่างสหรัฐกับหุ้นส่วนต่างๆ เช่น รัสเซีย จีนและสหภาพยุโรป
(VOVWorld) – การที่นายEdward Snowden อดีตเจ้าหน้าที่ข่าวกรองกลางแห่งสหรัฐหรือซีไอเอออกมาเปิดโปงโครงการสอดแนมข้อมูลลับบนอินเตอร์เนตของพลเมืองอเมริกันทั้งในและต่างประเทศของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐหรือNSAในหลายปีที่ผ่านมาได้ทำให้ทั้งประเทศสหรัฐต้องสั่นสะเทือนและส่งผลเสียอย่างใหญ่หลวงต่อนโยบายต่างประเทศของทางการประธานาธิบดีบารัก โอบามา อีกทั้งสร้างความแตกร้าวระหว่างสหรัฐกับหุ้นส่วนต่างๆ เช่น รัสเซีย จีนและสหภาพยุโรป
หน่วยข่าวกรองกลางสหรัฐตกเข้าสู่สภาวะกลืนไม่เข้าคลายไม่ออก - ảnh 1
นายEdward Snowden อดีตเจ้าหน้าที่ความมั่นคงของสหรัฐ(Photo:baomoi.com )
เหตุการณ์ได้เริ่มขึ้น เมื่อวันที่๖เดือนนี้ โดยหนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ของสหรัฐและThe Guadian ของอังกฤษต่างรายงานข่าวข้อมูลของนายEdward Snowden  เกี่ยวกับการที่รัฐบาลสหรัฐสืบค้นและรวบรวมข้อมูลลับของชาวอเมริกัน โครงการดังกล่าวชื่อว่า PRISMที่สำนักงานสืบสวนกลางแห่งสหรัฐอเมริกาหรือเอฟบีไอและNSAได้ปฏิบัติมาแล้ว๖ปีโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ตรวจจับข้อมูลในเชิงลึกซึ่งสามารถตรวจจับการติดต่อสื่อสารได้แบบเรียลไทม์โดยโปรแกรมจะช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ในการระบุต้นทางที่เข้าเว็บไซต์ในสหรัฐจากนอกประเทศหรือแม้แต่พลเมืองอเมริกันที่ติดต่อสื่อสารผ่านเว็บไซต์ของต่างประเทศทำให้ได้ข้อมูลที่เอ็นเอสเอต้องการไม่ว่าจะเป็นอีเมล์ วีดีโอคลิป เสียงสนทนา รูปภาพ ไฟล์ที่ถูกโอน การแจ้งเตือนเข้าระบบหรือแม้แต่ข้อมูลบนเว็บโซเชียลเน็ตเวิร์คอีกด้วย นอกจากนี้ นายEdward Snowdenยังเปิดเผยว่า บรรดาเจ้าหน้าที่เอฟบีไอได้แฮ๊กข้อมูลของมหาวิทยาลัยชิงหวาในกรุงปักกิ่งซึ่งเป็นหนึ่งใน๖เครือข่ายหลักของระบบอินเตอร์เนตในจีนแผ่นดินใหญ่และแฮ็กข้อมูลของสำนักงานPacnetในฮ่องกงซึ่งเป็นเจ้าของเครือข่ายสายเคเบิ้ลFiber opticที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย แปซิฟิก          
 หลังการออกเปิดโปงของนายEdward Snowden  สำนักงานความมั่นคงของสหรัฐได้แก้ต่างว่า โครงการดังกล่าวได้ค้นพบและยับยั้งแผนการโจมตีสหรัฐนับตั้งแต่เหตุการณ์ก่อการร้ายในประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่๑๑กันยายนปี๒๐๐๑  ส่วนนายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐได้เรียกร้องประชาชนต้องเลือกระหว่างความลับกับความมั่นคงของชาติ    อย่างไรก็ดี สิ่งที่ทำให้ซีไอเอเสมือนกำลังนั่งบนกองไฟก็คือไม่รู้ว่า นายEdward Snowden มีเอกสารลับเท่าไร่และกลัวว่า อาจจะมีเอกสารลับมากกว่าการคาดการณ์ในเบื้องต้นของบรรดาเจ้าหน้าที่สหรัฐ รวมไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างนายEdward Snowden กับJulian Assangeผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ Wikileaks จะทำให้เขาเปิดเผยเอกสารต่อไป            ต่อสถานการณ์ดังกล่าว สหรัฐต้องพยายามดำเนินมาตรการต่างๆเพื่อขัดขวางและไล่ล่านายEdward Snowden  เช่น ยกเลิกพาสปอร์ตพลเมืองอเมริกา ออกหมายจับโทษฐานจารกรรมและขอร้องให้ประเทศต่างๆไม่อนุญาติให้นายSnowden เข้าเมือง            ปัญหาดังกล่าวยังไม่เป็นไปตามที่รัฐบาลสหรัฐคาดคิดเพราะปัญหานี้ไม่เพียงแต่ก่อความตึงเครียดภายในประเทศสหรัฐเท่านั้นหากยังก่อความแตกร้าวในความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับประเทศต่างๆโดยเฉพาะ จีน และรัสเซียซึ่งเป็นประเทศที่นายEdward Snowden ข้ามแดนเพื่อขอลี้ภัยในประเทศที่๓ โดยทั้งรัสเซียและจีนไม่จับกุมและส่งตัวกลับประเทศตามข้อเรียกร้องของสหรัฐและต่างปฏิเสธข้อกล่าวหาของสหรัฐว่า ทั้งปักกิ่งและมอสโคว์ต่างมีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่นาย Edward Snowden เดินทางออกจากฮ่องกงประเทศจีน นางหวาชุนหญิง โฆษกกระทรวงการต่าง ประเทศจีนกล่าวว่า ข้อกล่าวหาของวอชิงตันเกี่ยวกับการที่รัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่รู้เห็นการออกนอกประเทศของSnowden เป็นสิ่งที่ไร้มูลความจริงและยืนยันว่า การที่ฮ่องกงอนุญาติให้เขาเดินทางออกจากเขตปกครองพิเศษและไม่จับกุมส่งกลับสหรัฐเป็นสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมายและขอร้องให้ทุกฝ่ายให้ความเคารพการตัดสินใจของทางการเขตปกครองพิเศษฮ่องกง  ที่หนักไปกว่านั้น สหรัฐต้องอับอายขายหน้า เพราะจีนมีเหตุผลเพียงพอเพื่อปฏิเสธคำกล่าวหาของทางการโอบามาที่ว่า จีนเป็นฐานโจมตีระบบอินเตอร์เน็ตของสำนักงานต่างๆของรัฐบาลและสถานประกอบการสหรัฐ แถมจีนยังยืนยันว่า ตนเองก็เป็นเหยื่อของแฮกเกอร์เช่นกัน นอกจากนี้ ตามวงการผู้สังเกตุการณ์ กรณีนี้อาจส่งผลเสียต่อความคืบหน้าความร่วมมือด้านความปลอดภัยความมั่นคงอินเตอร์เนตระหว่างจีนกับสหรัฐที่ประธานาธิบดีบารัก โอบามาและประธานประเทศจีนสีจีนผิงได้เห็นพ้องกัน            ส่วนนายแซกเกย์ ล้าฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียยืนยันว่า รัสเซียไม่เกี่ยวข้องกับการเดินทางออกจากฮ่องกงของนายSnowden คำกล่าวหาเพื่อโยนความผิดให้แก่รัสเซียเป็นสิ่งที่ไร้มูลความจริง และไม่อาจยอมรับได้ ก่อนหน้านั้น เจ้าหน้าที่สิทธิมนุษยชนของรัสเซียคนหนึ่งได้ยืนยันว่า สหรัฐไม่มีสิทธิขอร้องให้รัสเซียจับกุมหรือส่งผู้ร้ายข้ามแดนเพราะSnowdenไม่ได้กระทำความผิดในรัสเซียและเจ้าหน้าที่รัสเซียไม่ได้รับหมายจับจากองค์การตำรวจสากลหรืออินเตอร์โพลเกี่ยวกับหมายจับพลเมืองอเมริกันผู้นี้ ส่วนสหภาพยุโรปแสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับภัยคุกคามที่รุนแรงต่อพลเมืองยุโรปจากโครงการตรวจสอบดังกล่าวของสหรัฐ เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า กรณีนี้ได้ส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของสหรัฐและแสดงให้เห็นว่า สหรัฐได้มีการกระทำที่ขัดกับการตำหนิติติงประเทศต่างๆเกี่ยวกับอันที่เรียกว่า ละเมิดสิทธิมนุษยชน ./.

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด