อาเซียนมีความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์และสามัคคีในปัญหาทะเลตะวันออก

(VOVworld) – วันที่ 6 สิงหาคม ในกรอบการประชุมเอเอ็มเอ็มครั้งที่ 48 และการประชุมต่างๆที่เกี่ยวข้องในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซียได้มีการเปิดฟอรั่มภูมิภาคอาเซียนหรือเออาร์เอฟครั้งที่ 22 ที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับปัญหาที่ร้อนแรงของภูมิภาค รวมทั้งปัญหาทะเลตะวันออก แต่ฝ่ายจีนได้พยายามหลีกเลี่ยงการหารือในประเด็นดังกล่าวโดยเผยว่า เออาร์เอฟไม่ใช่เวทีที่เหมาะสมเพื่อหารือเกี่ยวกับปัญหาทะเลตะวันออก แต่ปัญหานี้ได้กลายเป็นปัญหาหลักที่ถูกหารือมากที่สุดและที่น่าสนใจคืออาเซียนได้มีเสียงพูดเดียวกันอย่างเข้มแข็งเกี่ยวกับปัญหานี้
(VOVworld) – วันที่ 6 สิงหาคม ในกรอบการประชุมเอเอ็มเอ็มครั้งที่ 48 และการประชุมต่างๆที่เกี่ยวข้องในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซียได้มีการเปิดฟอรั่มภูมิภาคอาเซียนหรือเออาร์เอฟครั้งที่ 22 ที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับปัญหาที่ร้อนแรงของภูมิภาค รวมทั้งปัญหาทะเลตะวันออก แต่ฝ่ายจีนได้พยายามหลีกเลี่ยงการหารือในประเด็นดังกล่าวโดยเผยว่า เออาร์เอฟไม่ใช่เวทีที่เหมาะสมเพื่อหารือเกี่ยวกับปัญหาทะเลตะวันออก แต่ปัญหานี้ได้กลายเป็นปัญหาหลักที่ถูกหารือมากที่สุดทั้งในการประชุม การพบปะอย่างเป็นทางการและการพบปะนอกรอบการประชุมและที่น่าสนใจคืออาเซียนได้มีเสียงพูดเดียวกันอย่างเข้มแข็งเกี่ยวกับปัญหานี้

อาเซียนมีความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์และสามัคคีในปัญหาทะเลตะวันออก - ảnh 1
อาเซียนมีความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์และสามัคคีในปัญหาทะเลตะวันออก (vietnamplus)

ทะเลตะวันออกเป็นปัญหาที่ร้อนแรงในเออาร์เอฟ 22
เมื่อเร็วๆนี้ พร้อมกับความท้าทายด้านความมั่นคงอื่นๆที่เกิดขึ้นในภูมิภาค การพิพาทด้านอธิปไตยในทะเลตะวันออกได้กลายเป็นเนื้อหาหลักของฟอรั่มความมั่นคงทั้งภายในและนอกภูมิภาคและเพื่อหาทางที่ถูกต้องในการแก้ไขปัญหาทะเลตะวันออกก็ไม่สามารถปฏิเสธอิทธิพลของเออาร์เอฟได้
ในฟอรั่มเออาร์เอฟครั้งที่ 21 ณ พม่าเมื่อปี 2014 เออาร์เอฟได้อนุมัติแถลงการณ์ร่วมเกี่ยวกับปัญหาทะเลตะวันออกโดยแสดงความวิตกกังวลเป็นอย่างมากเกี่ยวกับปฏิบัติการของจีนที่เพิ่มความตึงเครียดในภูมิภาค ที่น่าสนใจคือ แต่ละประเทศสมาชิกอาเซียนต่างมีทัศนะของตนเกี่ยวกับปัญหาทะเลตะวันออก ดังนั้นเมื่อทุกประเทศสมาชิก รวมทั้งประเทศที่กำลังมีการพิพาทและประเทศที่ไม่มีการพิพาทออกแถลงการณ์ร่วมดังกล่าวจึงมีความหมายสำคัญเป็นอย่างยิ่งเพราะได้แสดงให้เห็นถึงความสามัคคีในอาเซียน ส่วนในฟอรั่มเออาร์เอฟปีนี้ ในสภาวการณ์ที่จีนผลักดันการก่อสร้างเกาะเทียม ก่อสร้างรันเวย์บนเกาะบางแห่งในหมู่เกาะเจื่องซาหรือสเปรตลีที่อยู่ในอธิปไตยของเวียดนาม สมาชิกของเออาร์เอฟจึงให้ความสนใจถึงปัญหาทะเลตะวันออกมากขึ้น
อาเซียนมีความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์เกี่ยวกับการแก้ไขการพิพาทในทะเลตะวันออก
ปัญหาทะเลตะวันออกมีความร้อนแรงมากขึ้นก่อนเปิดฟอรั่มเพราะก่อนที่จะเข้าร่วมการประชุม นาย หวังอี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีนได้เตือนว่า การหยิบยกปัญหาทะเลตะวันออกขึ้นมาหารือในการประชุมจะไม่เกิดประโยชน์และมีแต่จะทวีความตึงเครียดมากขึ้น ปัญหาทะเลตะวันออกควรเจรจาในระดับทวีภาคี แต่ในบทปราศรัยเปิดการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนหรือเอเอ็มเอ็มครั้งที่ 48 เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย นาจิบ ราซัค ได้ยืนยันถึงหลายปัญหาสำคัญๆของโลก รวมทั้งการเรียกร้องอธิปไตยในพื้นที่พิพาทคือสิ่งที่ซับซ้อนและแต่ละประเทศไม่สามารถแก้ไขได้ ร่างแถลงการณ์ร่วมของรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนยังย้ำถึงความสำคัญของการผลักดันความสามัคคีภายในกลุ่ม การแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องถึงสันติภาพ เสถียรภาพและความมั่นคงในภูมิภาค โดยเฉพาะต้องแก้ไขการพิพาทอย่างสันติบนพื้นฐานกฎหมายสากล  การยืนยันของนายกรัฐมนตรีมาเลเซียพร้อมกับการออกร่างแถลงการณ์ร่วมของบรรดารัฐมนตรีต่างประเทศของอาเซียนได้แสดงให้เห็นว่า ประเทศเจ้าภาพมาเลเซียและอาเซียนได้แสดงจุดยืนไม่ยอมรับข้อเรียกร้องของจีนที่ไม่ให้ใช้เวทีเอเอ็มเอ็ม48เพื่อหารือถึงปัญหาทะเลตะวันออก ความเห็นพ้องกันนี้ได้รับการประเมินว่าเป็นก้าวเดินต่อไปเพื่อแสดงให้เห็นถึงความผูกพันที่ใกล้ชิดและมีเสียงพูดร่วมกันในอาเซียน ตามความเห็นของผู้สังเกตการณ์ ความผูกพันนี้จะเป็นพลังขับเคลื่อนเพื่อสร้างพลังที่เข้มแข็งขององค์การและร่วมกันเผชิญกับความท้าทาย
เออาร์เอฟได้รับการจัดตั้งขึ้นเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 1994  ณ กรุงเทพฯ ประเทศไทยโดยมีเป้าหมายเพื่อธำรงการสนทนาและหารือเกี่ยวกับปัญหาด้านการเมือง-ความมั่นคง การสร้างสรรค์ความไว้วางใจและการทูตในการป้องกันในเอเชียแปซิฟิก จนถึงปัจจุบัน เออาร์เอฟมีประเทศสมาชิก 27 ประเทศ ประกอบด้วย 10 ประเทศสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศคู่เจรจาและ 7 ประเทศนอกกลุ่มอาเซียน ด้วยขอบเขตและการเข้าร่วมที่มีความรับผิดชอบของประเทศสมาชิก ในหลายปีที่ผ่านมา เออาร์เอฟได้มีส่วนร่วมสำคัญต่อการสร้างสรรค์บรรยากาศความมั่นคงในภูมิภาค
อาเซียนมีความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์และสามัคคีในปัญหาทะเลตะวันออก - ảnh 2
นาย หวังอี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน (Reuters)

จีนยังคงหลีกเลี่ยงกระบวนการมุ่งสู่ซีโอซีต่อไป
ในทางเป็นจริง ความสามัคคีและความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์ของอาเซียนเคยทำให้จีนแสดงความวิตกกังวลมาแล้วโดยเมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2015 เมื่อที่ประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 26 ออกแถลงการณ์ที่ย้ำถึงความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในทะเลตะวันออก จีนได้มีการตอบโต้ทันทีโดยยืนหยัดประท้วง “ความพยายามของประเทศต่างๆที่ต้องการสร้างผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างทางการปักกิ่งกับองค์การอาเซียน”หรือเมื่อเร็วๆนี้ ก่อนการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน นาย เลี้ยวเชินหมิง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีนได้ประกาศว่า ที่ประชุมไม่ควรหารือเกี่ยวกับปัญหาทะเลตะวันออก ทว่าจากความสามัคคีและความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์ของอาเซียนในการประชุมครั้งนี้ ตลอดจนการคัดค้านอย่างเข้มแข็งจากหุ้นส่วนภายนอก โดยเฉพาะก่อนการเปิดฟอรั่มเออาร์เอฟ ครั้งนี้ จีนจึงได้ประกาศว่าได้ชะลอการปรับปรุงพื้นที่ในทะเลตะวันออก พร้อมทั้งเห็นพ้องกับอาเซียนเกี่ยวกับการผลักดันการทาบทามความคิดเห็นเพื่อมุ่งสู่ระเบียบการเกี่ยวกับการปฏิบัติต่อกันในทะเลตะวันออกหรือซีโอซี
นานมาแล้ว ที่ทางการปักกิ่งได้แสวงหาทุกวิถีทางเพื่อหลีกเลี่ยงและทำให้กระบวนการเจรจาซีโอซีดำเนินไปอย่างล่าช้าควบคู่ไปกับการปรากฎตัวในทะเลตะวันออก แถลงการณ์ของทางการปักกิ่งและการเห็นพ้องจัดตั้งโทรศัพท์สายด่วนทางทะเลระหว่างอาเซียนกับจีนนอกจากสร้างความหวังเกี่ยวกับการไขความตึงเครียดในทะเลตะวันออกแล้วในทางกลับกันก็ยังทำให้ประชามติมีความสงสัยอีกด้วย ดังนั้นที่ประชุมเออาร์เอฟครั้งที่ 22 กำลังรอคอยสัญญาณที่น่ายินดีใหม่ในการแก้ไขปัญหาทะเลตะวันออก.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด