แผนสันติภาพของยูเครนเสี่ยงที่จะประสบความล้มเหลว

(VOVworld) –  เหลืออีกเพียง๑วันเท่านั้น คือในวันที่๒๗เดือนนี้ ข้อตกลงหยุดยิงของทางการประธานาธิบดียูเครน เปโตร โปโรแชนโกซึ่งเป็นก้าวแรกในการปฏิบัติแผนสันติภาพรวม๑๔ข้อจะหมดอายุ แต่สถานการณ์ในยูเครนยังไม่มีสัญญาณที่จะดีขึ้นและกำลังเสี่ยงที่จะตกเข้าสู่ความไม่สงบที่รุนแรงมากขึ้น

(VOVworld)–เหลืออีกเพียง๑วันเท่านั้น คือในวันที่๒๗เดือนนี้ ข้อตกลงหยุดยิงของทางการประธานาธิบดียูเครน เปโตร โปโรแชนโกซึ่งเป็นก้าวแรกในการปฏิบัติแผนสันติภาพรวม๑๔ข้อจะหมดอายุ แต่สถานการณ์ในยูเครนยังไม่มีสัญญาณที่จะดีขึ้นและกำลังเสี่ยงที่จะตกเข้าสู่ความไม่สงบที่รุนแรงมากขึ้น

แผนสันติภาพของยูเครนเสี่ยงที่จะประสบความล้มเหลว - ảnh 1
ฝ่ายต่อต้านในภาคตะวันออกยูเครน(Photo:Ukzambianss co.UK )

ความผันผวนล่าสุดคือ หลังจากที่รัฐบาลและฝ่ายต่อต้านหยุดยิงได้เกือบ๒๔ชั่วโมง กองกำลังแบ่งแยกดินแดนได้ยิงเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพยูเครนตก๑ลำซึ่งทำให้ทหารเสียชีวิต๙นาย ก่อนหน้านั้น ยังคงมีเสียงปืนและการปะทะยังคงเกิดขึ้นอย่างดุเดือดตามนครต่างๆภาคตะวันออกยูเครน

ในขณะที่ฝ่ายต่อต้านตำหนิและกล่าวหาว่า ยูเครนเปิดการโจมตีครั้งใหม่ ประธานาธิบดียูเครนเปโตร โปโรแชนโกกลับโยนความผิดให้แก่กลุ่มกบฎที่ไม่ยอมวางอาวุธพร้อมทั้งขู่ว่า จะยกเลิกคำสั่งหยุดยิง เปิดยุทธนาการต่อต้านการก่อการร้ายในภาคตะวันออกยูเครนต่อไป เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า แผนสันติภาพ๑๔ข้อของประธานาธิบดีเปโตร โปโรแชนโกที่มีก้าวปฏิบัติแรกคือข้อตกลงหยุดยิงไม่มีโอกาสกลายเป็นความจริง

การต่อสู้ของคตินิยม

แม้ว่า แผนสันติภาพของประธานาธิบดีเปโตร โปโรแชนโกได้รับการชื่นชมว่ามีข้อดีหลายข้อซึ่งที่น่าสนใจคือคำมั่นที่จะกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นมากขึ้น แต่บรรดานักวิเคราะห์เห็นว่า มีสาเหตุหลายประการที่ทำให้แผนการนี้ประสบความล้มเหลว

๑คือ วิกฤตในยูเครนไม่ใช่การต่อสู้ระหว่างชาวยูเครนหากเป็นการต่อสู้ด้านคตินิยมระหว่างผู้ที่ฝักใฝ่รัสเซียกับอีกฝ่ายหนึ่งที่นิยมตะวันตก ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในยูเครนมาจากการที่ยูเครนปฏิเสธการเจรจาเพื่อเข้าเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปหรืออียูซึ่งเป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงการเผชิญหน้าระหว่างเขตตะวันออกกับตะวันตกของยูเครนและบัดนี้ ยูเครนได้กลายเป็นสมรภูมิ การเผชิญหน้าระหว่างสหรัฐกับรัสเซีย อนาคตของยูเครนขึ้นอยู่กับวิธีการแก้ไขปัญหาในปัจจุบันของทั้งรัสเซียและสหรัฐ ในขณะที่รัสเซียเร่งรัดให้สหรัฐสร้างแรงกดดันเพื่อให้กรุงเคียฟต้องยุติปฏิบัติการทางทหารทันทีและเริ่มการเจรจาโดยตรงกับเขตต่างๆในภาคตะวันออก แต่กรุงวอชิงตันกลับเรียกร้องให้มอสโคว์ยุติการสนับสนุนกลุ่มแบ่งแยกดินแดน และในขณะที่รัสเซียประณามยูเครนที่ปราบปรามประชาชนในภาคตะวันออก สหรัฐกลับถือว่า นี่เป็นปฏิบัติการปราบปรามโดยทั่วไปเพื่อปกป้องกฎหมายและความเป็นระเบียบเรียบร้อย

แผนสันติภาพของยูเครนเสี่ยงที่จะประสบความล้มเหลว - ảnh 2
ประธานาธิบดีเปโตร โปโรแชนโก(Photo:www.faz.net )

ความขัดแย้งลึกซึ้ง

เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า ยูเครนถูกครอบงำจากสองประเทศมหาอำนาจและไม่สมารรถชี้ขาดอนาคตของตนเองได้ ดังนั้นแผนสันติภาพของประธานาธิบดีเปโตร โปโรแชนโกที่ไม่มีข้อเสนอเกี่ยวกับการสนทนาจึงมีลักษณะเป็นคำขาดและไม่ได้รับการยอมรับจากฝ่ายต่อต้านนั้นถือเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ง่าย

นอกจากนี้ ยูเครนจะลงนามข้อตกลงเกี่ยวกับความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับอียูในวันที่๒๗มิถุนายนซึ่งแสดงให้เห็นถึงคำมั่นที่จะดำเนินตามแนวทางปฏิรูปอย่างกว้างลึกจะทำให้ความขัดแย้งระหว่างทางการประธานาธิบดีเปโตร โปโรแชนโกกับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนมีความร้าวลึกยิ่งขึ้นซึ่งทำให้แนวโน้มนิยมยุโรปของทางการประธานาธิบดีเปโตร โปโรแชนโกจะถูกคัดค้านอย่างรุนแรงจากผู้ที่สนับสนุนแนวทางพัฒนาเป็นสหพันธรัฐ แผนการสันติภาพของทางการเคียฟจะถูกแผนการลงนามข้อตกลงกับยุโรปทำลาย

สุดท้ายคือ ความผิดหวังของประชาชนยูเครนต่อประธานาธิบดีเปโตร โปโรแชนโกซึ่งก็เป็นสาเหตุที่ทำให้แผนการสันติภาพยากที่จะเดินไปให้ถึงปลายทาง ความผิดหวัง เบื่อหน่าย รวมทั้งความไม่พอใจของประชาชนแสดงให้เห็นจากการประท้วงอย่างรุนแรงด้านนอกสถานทูตรัสเซียประจำกรุงเคียฟและก็มีประชาชนจำนวนมากแสดงความสงสัยเกี่ยวกับคำมั่นของประธานาธิบดีเปโตร โปโรแชนโกในการหาเสียงเลือกตั้งว่า จะรื้อฟื้นความเป็นระเบียบเรียบร้อยและสันติภาพโดยเร็ว

การปฏิบัติต้องมาจากเจตนาดี

เพื่อยุติการปะทะโดยเร็ว ฝ่ายต่างๆต้องนั่งเจรจากันเพื่อแสวงหามาตรการแก้ไขวิกฤตในยูเครนซึ่งเป็นสิ่งที่ประชาคมระหว่างประเทศกำลังรอคอยในปัจจุบัน การที่ประธานาธิบดีรัสเซียวลาดีเมีย ปูตินประกาศว่าจะไม่แทรกแซงทางทหารกำลังเปิดสัญญาณที่ดีให้แก่สันติภาพในประเทศยูเครน

อย่างไรก็ดี ประชามติกำลังตั้งคำถามที่ว่า  การตัดสินใจดังกล่าวของมอสโคว์มาจากเจตนาที่ดีหรือเป็นเพียงมาตรการชั่วคราวก่อนการประชุมสุดยอดอียูที่จะจัดขึ้นในวันที่๒๗เดือนนี้ เมื่อคำสั่งคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจครั้งใหม่ของสหรัฐและตะวันตกกำลังได้รับการพิจารณาโดยนอกจากชื่นชมการตัดสินใจดังกล่าวของรัสเซียแต่อีกด้านสหรัฐยังคงย้ำถึงความเป็นไปได้ที่จะขยายการคว่ำบาตรถ้าหากรัสเซียแทรกแซงกิจการภายในของยูเครนต่อไป ทั้งนี้และทั้งนั้น ทำให้บรรดานักวิเคราะห์เห็นว่า สันติภาพให้แก่ยูเครนในเวลาข้างหน้ายังคงมีความเปราะบาง./.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด