โอกาสเกิดความตึงเครียดครั้งใหม่ในตะวันออกกลาง

(VOVWORLD) - หลังจากมีมติรับรองเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล เมื่อวันที่ 25 ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงประกาศรับรองอธิปไตยของอิสราเอลเหนือเขตที่ราบสูงโกลัน ซึ่งกำลังเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษบนเวทีการเมืองระหว่างประเทศเนื่องจากเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายของสหรัฐต่อภูมิภาคนี้ในตลอดกว่า 50 ปีที่ผ่านมา 
โอกาสเกิดความตึงเครียดครั้งใหม่ในตะวันออกกลาง - ảnh 1 Photo AL-JAZEERA

การกระทำดังกล่าวได้สร้างความวิตกกังวลให้แก่ประชามติโลกและมีความเป็นไปได้ที่อาจเกิดผลร้ายทางการเมือง ความมั่นคงและปัญหากฎหมายระหว่างประเทศ

คำประกาศล่าสุดของนายโดนัลด์ ทรัมป์ สร้างความถกเถียงในตะวันออกกลาง ทั้งกับประเทศที่มีความสัมพันธ์กับอิสราเอลและประเทศที่เป็นอริ ซึ่งคำประกาศดังกล่าวอาจส่งผลให้เกิดการปะทะครั้งใหม่ในดินแดนพิพาทระหว่างอิสราเอลกับซีเรียที่ยืดเยื้อมาหลายทศวรรษ

การเปลี่ยนแปลงนโยบายที่น่าประทับใจ

คำประกาศของนาย โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นการบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบายของสหรัฐอย่างไม่เคยคาดคิดต่อระเบียบของดินแดนที่มีการพิพาทและอิสราเอลได้ยึดจากซีเรียในสงคราม 6 วันเมื่อปี 1967 และผนวกเข้าเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของอิสราเอลในปี 1981 ซึ่งเป็นการกระทที่ไม่ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ

คำประกาศของนาย โดนัลด์ ทรัมป์ เกี่ยวกับเขตที่ราบสูงโกลันไม่เพียงแต่ไม่สนใจถึงกฎหมายระหว่างประเทศเท่านั้น หากยังขัดกับจุดยืนที่เกี่ยวข้องในเวลาที่ผ่านมาของสหรัฐอีกด้วย เขตที่ราบสูงโกลันเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของซีเรีย ที่ถูกอิสราเอลยึดครองเมื่อปี 1967 และผนวกเข้าเป็นดินแดนเมื่อปี 1981 แต่สหประชาชาติได้รับรองอธิปไตยอย่างสมบูรณ์ของซีเรียเหนือเขตที่ราบสูงโกลัน โดยถือปฏิบัติการของอิสราเอลเป็นการละเมิดกฎหมายสากลและเรียกร้องให้อิสราเอลส่งคืนเขตที่ราบสูงโกลันให้แก่ซีเรีย ที่น่าสนใจคือ แนวทางนี้ของสหประชาชาติก็เป็นทัศนะอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับเขตที่ราบสูงโกลันของสหรัฐหลายปีที่ผ่านมา โดยสนับสนุนเนื้อหาดังกล่าวในมติของสหประชาชาติ 2 ฉบับ คือ มติที่ 242 ฉบับวันที่ 22 พฤศจิกายนปี 1967 และมติที่ 497 ฉบับวันที่ 17 ธันวาคมปี 1981

คำประกาศดังกล่าวของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ถูกตำหนิจากทั้งภายในและนอกภูมิภาค โดยซีเรียได้ถือว่า นี่เป็นการโจมตีประเทศที่มีอธิปไตยในภูมิภาคและทำให้สหรัฐถูกโดดเดี่ยว หลายประเทศยังเตือนว่า การที่สหรัฐรับรองอธิปไตยของอิสราเอลเหนือเขตที่ราบสูงโกลันจะสร้างกระแสความตึงเครียดรอบใหม่ในตะวันออกกลางและย้ำถึงความจำเป็นที่ต้องให้ความเคารพการตัดสินใจเกี่ยวกับความชอบธรรมระหว่างประเทศและกฎบัตรสหประชาชาติ ส่วนโฆษกสหประชาชาติ Stephane Dujarric ได้ยืนยันหลังคำประกาศดังกล่าวของนายโดนัลด์ ทรัมป์ว่า นโยบายของสหประชาชาติเกี่ยวกับเขตที่ราบสูงโกลันยังไม่เปลี่ยนแปลง

ผลร้ายที่ตามมา

ท่าทีล่าสุดของสหรัฐได้ทำให้เขตที่ราบสูงโกลันกลายเป็นประเด็นร้อนใหม่ในตะวันออกกลาง และบวกกับการที่ก่อนหน้านั้นประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ให้การรับรองเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลและการย้ายสถานทูตสหรัฐจากเทลอาวีฟไปยังเยรูซาเลม ได้สร้างความวิตกกังวลเกี่ยวกับกฎหมายสากล ความมั่นคงและเสถียรภาพในภูมิภาคนี้ โดยบรรดาผู้สังเกตการณ์ได้ให้ข้อสังเกตว่า นี่ไม่ใช่การตัดสินใจตามอำเภอใจหากเป็นก้าวเดินต่อไปในทัศนะด้านนโยบายในเวลาที่ผ่านมาของทางการสหรัฐต่ออิสราเอลและภูมิภาคตะวันออกกลาง

ในสภาวการณ์ที่สงครามกลางเมืองในซีเรียกำลังย่างเข้าสู่ระยะสุดท้ายและซีเรียได้มีกลุ่มพันธมิตรที่เข้มแข็ง ซึ่งมีรัสเซียเป็นผู้นำใหม่ที่มีบทบาทเป็นแกนหลักในตะวันออกกลาง ทำให้สหรัฐถูกลดบทบาทลงไป การตัดสินใจดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงการกลับเข้ามาสู่ตะวันออกกลางของสหรัฐอีกครั้ง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการพิพาทด้านภูมิรัฐศาสตร์ครั้งใหม่ผ่านปัญหาเขตที่ราบสูงโกลันเป็นความหมายสำคัญสำหรับวอชิงตัน เพราะคำประกาศรับรองอธิปไตยของอิสราเอลเหนือเขตที่ราบสูงโกลันเป็นการสนับสนุนของสหรัฐต่อนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ก่อนการเลือกตั้งรัฐสภาของอิสราเอล แต่คำประกาศดังกล่าวของนาย โดนัลด์ ทรัมป์ได้ทำให้พันธมิตรและหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในภูมิภาคแสดงความระแวงสงสัย พร้อมทั้งสร้างความขัดแย้งระหว่างโลกอาหรับกับอิสราเอลในตะวันออกกลางมากขึ้น โดยโลกอาหรับอาจไม่พอใจอิสราเอลมากขึ้นเนื่องจากคำประกาศดังกล่าวของนาย โดนัลด์ ทรัมป์

ในความเป็นจริง ในหลายปีที่ผ่านมา การที่อิสราเอลประกาศอธิปไตยเหนือเขตที่ราบสูงโกลันไม่ใช่เรื่องใหม่และการตอบโต้ของซีเรียผ่านคำประกาศต่างๆก็ไม่ใช่เรื่องใหม่เช่นกัน แต่การที่สหรัฐกระโดดเข้ามาร่วมปัญหานี้โดยตรงได้สร้างผลกระทบในทางลบที่ก่อให้เกิดความไร้เสถียรภาพในตะวันออกกลางและทำลายโอกาสการสร้างสันติภาพที่ยั่งยืนในภูมิภาคนี้.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด