นักการทูตที่พูดได้ทำได้

(VOVworld) – จากการมีสำนักงานตัวแทนในต่างประเทศกว่า 100 แห่ง บรรดาเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่เวียดนามประจำประเทศต่างๆกำลังปฏิบัติ หน้าที่ “สะพานเชื่อม” ด้านการเมือง เศรษฐกิจ การค้าและวัฒนธรรมระหว่างเวียดนามกับประเทศต่างๆเป็นอย่างดี แม้จะปฏิบัติหน้าที่ในขอบเขตที่แตกต่างกันแต่นักการทูตทุกคนต่างมีความ ปรารถนาจะเผยแพร่ภาพลักษณ์ของเวียดนามบนเวทีโลกมากขึ้นและทำประโยชน์ให้แก่ ประเทศมากที่สุด

(VOVworld) – จากการมีสำนักงานตัวแทนในต่างประเทศกว่า 100 แห่ง บรรดาเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่เวียดนามประจำประเทศต่างๆกำลังปฏิบัติหน้าที่ “สะพานเชื่อม” ด้านการเมือง เศรษฐกิจ การค้าและวัฒนธรรมระหว่างเวียดนามกับประเทศต่างๆเป็นอย่างดี แม้จะปฏิบัติหน้าที่ในขอบเขตที่แตกต่างกันแต่นักการทูตทุกคนต่างมีความปรารถนาจะเผยแพร่ภาพลักษณ์ของเวียดนามบนเวทีโลกมากขึ้นและทำประโยชน์ให้แก่ประเทศมากที่สุด

นักการทูตที่พูดได้ทำได้ - ảnh 1
นายฝามกวางวิงห์ เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำประเทศสหรัฐ
นายฝามกวางวิงห์ เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำประเทศสหรัฐเผยว่า การไปรับตำแหน่งตามวาระในประเทศที่ถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมากนั้นเป็นภารกิจที่หนักหน่วง ซึ่งเขาจำไม่ได้ว่าบินไปกลับระหว่างสองประเทศกี่ครั้งเพื่อเตรียมให้แก่กิจกรรมการฉลองครบรอบ 20 ปีการปรับความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหรัฐให้เป็นปกติและเตรียมการเจรจาข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิกหรือทีพีพี โดยนิมิตรหมายที่สำคัญด้านความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหรัฐพร้อมด้วยกิจกรรมที่หลากหลายได้ทำให้นายฝามกวางวิงห์เป็นเอกอัครราชทูตที่มีงานยุ่งมากที่สุดในบรรดานักการทูตเวียดนามในปี 2015  “ผมมารับตำแหน่งประจวบกับโอกาสฉลองครบรอบ 20 ปีการปรับความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหรัฐ ถ้ามองย้อนกลับไปในตลอด 20 ปีที่ผ่านมา แม้บางช่วงจะประสบความยากลำบากแต่ในภาพรวมก็ถือว่าได้มีพื้นฐานเพื่อพัฒนาอย่างยั่งยืนผ่านกรอบความร่วมมือหุ้นส่วนในทุกด้าน โดยเฉพาะการเยือนสหรัฐครั้งประวัติศาสตร์ของเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามเหงียนฟู้จ่อง ซึ่งผมเห็นว่า นี่เป็นนิมิตรหมายที่สำคัญในวาระของผม”
ส่วนเอกอัครราชทูตเวียดนามประจำเยอรมนีดว่านซวนฮึงได้ตั้งเป้าหมายให้แก่ตนเองว่า “ต้องทำได้ตามที่พูด” ซึ่งในตลอดกว่า 1 ปีรับหน้าที่ นายดว่านซวนฮึงได้เดินทางไปเยือนหลายๆเมืองในเยอรมนีเพื่อพบปะกับผู้บริหาร นักธุรกิจและชาวเวียดนามที่อาศัยในเยอรมนีและใช้โอกาสนี้เพื่อประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับประเทศเวียดนาม นายดว่านซวนฮึงกล่าวว่า “ต้องลงมือทำจริง ถ้าหากให้คำมั่นไว้แล้วก็ต้องทำให้ได้ ต้องเกาะติดและศึกษาเพื่อเข้าใจความต้องการของสถานประกอบการและตอบสนองเงื่อนไขของพวกเขาแล้วเริ่มปฏิบัติ ในเร็วๆนี้ ผมจะเชิญนักธุรกิจและนักข่าวเยอรมนีไปสำรวจสถานการณ์ในเวียดนามเพื่อรับทราบและช่วยประชาสัมพันธ์ศักยภาพของเวียดนาม ในปีหน้า พวกเราจะหารือกับกระทรวงวัฒนธรรม การกีฬาและการท่องเที่ยวเพื่อจัดกิจกรรมที่ยิ่งใหญ่เพื่อประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์และการท่องเที่ยวของเวียดนาม”
นักการทูตที่พูดได้ทำได้ - ảnh 2
นายดว่านซวนฮึงเดินทางไปเยือนศูนย์การค้าด่งซวนที่เยอรมนี

สำหรับนายเหงียนห่งแถก เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำอิหร่าน รวมทั้งซีเรียและอิรัก คำถามที่เขาได้พยายามหาคำตอบจนได้คือ ทำไมข้าวเวียดนามยังไม่เข้าตลาดอิหร่านได้แม้ทั้งสองฝ่ายต่างมีศักยภาพมาก พร้อมทั้งยืนยันว่า กำลังปฏิบัติมาตรการต่างๆเพื่อให้ข้าวเวียดนามสามารถเข้าตลาดนี้ “มีเรื่องที่แปลกใจคือ เวียดนามเป็นประเทศส่งออกข้าวรายใหญ่อันดับสองของโลก ส่วนอิหร่านเป็นประเทศนำเข้าข้าวรายใหญ่อันดับ 3 ของโลกแต่เราไม่มีการค้าขายในด้านนี้ ข้าวของเวียดนามแตกต่างกับข้าวที่ชาวอิหร่านคุ้นเคยดังนั้นพวกเขาจึงนำเข้าจากประเทศอื่น เช่น ปากีสถานและอินเดีย เพื่อแก้ไขปัญหานี้ เมื่อเร็วๆนี้ พวกเราได้ช่วยให้นครเกิ่นเทอสร้างความสัมพันธ์เมืองคู่มิตรกับนครของอิหร่านและลงนามในข้อตกลงร่วมมือไตรภาคีกับญี่ปุ่นเพื่อวิจัยการปลูกพันธุ์ข้าวที่สามารถตอบสนองความนิยมของชาวอิหร่าน”
นอกจากข้าวและสินค้าเกษตรแล้ว เอกอัครราชทูตเหงียนห่งแถกยังให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆถึงการพัฒนาการท่องเที่ยว โดยกล่าวว่า คนอิหร่านรู้จักเวียดนามในแง่ว่าเป็นสนามรบมากกว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ดังนั้นต้องพยายามเปลี่ยนความคิดนั้นเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวมากขึ้น ในเวลาที่ผ่านมา ทางสถานทูตได้จัดกิจกรรมต่างๆ เช่น การสัมมนา เชิญบริษัทนำเที่ยวเวียดนามไปแนะนำการท่องเที่ยวในอิหร่าน จัดงานนิทรรศการภาพถ่ายพร้อมกับการแสดงนาฎศิลป์ โดยเฉพาะเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทางสถานทูตได้เชิญคณะถ่ายทำภาพยนตร์อิหร่านมาถ่ายทำภาพยนตร์ชุดแนะนำการท่องเที่ยวเวียดนามเป็นภาษาเปอร์เซียเรื่อง “แดนสวรรค์ที่ไม่ไกล” รวมทั้งจะจัดโรดโชว์ใน 5 จังหวัดของเวียดนามเพื่อประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว
ส่วนนายฝามเจื่องยาง เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำโมร็อกโก ซึ่งควบรวมตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำประเทศกาบอง กินี เบนิน ไอวอรี่โคส บูร์กินาฟาโซและมอริเตเนียนั้นก็มีวิธีการประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ของประเทศเวียดนามที่ไม่เหมือนใคร คือ ในห้องประวัติศาสตร์ของสถานทูต จะมีชุดประจำชาติอ๊าวหญ่ายของทั้งผู้หญิงและผู้ชาย หมวกและงอบที่ทำจากใบไม้และกะลามะพร้าว ตลอดจนได้มีการเตรียมของที่ระลึกเพื่อมอบให้แก่แขกต่างชาติไม่ว่าจะเป็นกำไลข้อมือหรือผ้าพันคอที่มีลวดลายเอกลักษณ์วัฒนธรรมของเวียดนาม เมื่อเร็วๆนี้ ทางสถานทูตได้จัดวันวัฒนธรรมอาหารเวียดนามและบรรดาประเทศแอฟริกาโดยมีการจัดกิจกรรมที่หลากหลายต่างๆ  รวมทั้งจัดแสดงผ้าปักและภาพลงรักขัดเงาพื้นเมืองและในสวนของสถานทูตก็มีพื้นที่จัดแสดงโปสเตอร์หลากหลายสีสันที่แนะนำเกี่ยวกับผลแก้วมังกร ลิ้นจี่ กาแฟและสัตว์น้ำเวียดนาม
บรรดาเอกอัครราชทูตเวียดนาม ไม่เพียงแต่มีส่วนร่วมประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ของเวียดนามต่อโลกเท่านั้น หากยังเป็นสะพานเชื่อมที่มีส่วนร่วมนำสินค้าเกษตรของเวียดนามเจาะตลาดประเทศอื่นๆและดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศ พร้อมทั้งเป็นสะพานเชื่อมสายสัมพันธ์ระหว่างชาวเวียดนามที่พำนักอาศัยในต่างประเทศกับแผ่นดินปิตุภูมิเวียดนามอีกด้วย.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด