การตรวจและรักษาทางไกล

ในการให้คำปรึกษาทางออนไลน์ระหว่างแพทย์ของโรงพยาบาลจังหวัดท้ายเงวียนของกระทรวงสาธารณสุขกับโรงพยาบาลอำเภอหวอยายสังกัดสำนักงานสาธารณสุขท้ายเงวียน จากข้อมูลที่รายงานผ่านทางออนไลน์และผลการสแกนที่ส่งผ่านหน้าจอ แพทย์ในระดับส่วนกลางได้ให้การสนับสนุนแพทย์ในระดับอำเภอในการรักษาผู้ป่วยชาย อายุ 80 ปีที่มีอาการแน่นหน้าอกฉับพลัน  ถ้าหากไม่มีระบบการตรวจและรักษาทางไกล มีความเป็นไปได้สูงที่ผู้ป่วยรายนี้อาจเสียชีวิต นายแพทย์ เลหุ่งเวือง หัวหน้าแผนกฉุกเฉินและป้องกันพิษของโรงพยาบาลท้ายเงวียนได้เผยว่า “สำหรับผู้ป่วยที่ต้องการรักษาฉุกเฉิน การรักษาในช่วงเริ่มต้นมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง โดยการรักษาอย่างรวดเร็วแม้เพียงเสี้ยววินาทีก็มีความหมายต่อการอยู่รอดของผู้ป่วย ยกตัวอย่างเช่น สำหรับผู้ป่วยที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจได้มีการติดตั้งกล้องเข้ากับเตียงของผู้ป่วยในโรงพยาบาลเพื่อให้พวกเราสามารถให้คำปรึกษาแก่แพทย์ในโรงพยาบาลระดับท้องถิ่น การช่วยเหลือของพวกเราช่วยให้ผู้ป่วยหลายคนไม่ต้องถูกส่งต่อไปยังโรงพยาบาลส่วนกลางหรือแพทย์ในระดับท้องถิ่นสามารถทำการรักษาได้อย่างเหมาะสมก่อนทำการส่งต่อผู้ป่วย”

นายแพทย์ เหงียนชี้เกื่อง หัวหน้าแผนกสูติศาสตร์และรองศาสตราจารย์ ดร. เหงียนหว่างกง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลท้ายเงวียนที่ให้คำปรึกษาทางไกลเพื่อให้แพทย์ในท้องถิ่นรักษาผู้ป่วยอาการหนักหลายคนอย่างมีประสิทธิภาพและทันเวลาได้เผยว่า

“รูปแบบนี้มีประสิทธิภาพมากเพราะแพทย์หลายนายสามารถเรียนรู้ได้ในเวลาเดียวกัน ผมไม่ต้องจัดการฝึกอบรมหลายครั้ง ไม่มีอะไรดีเหมือนการรักษาผู้ป่วยโดยตรง เมื่อก่อน สำหรับผู้ป่วยอาการหนักและมีโรคแทรกซ้อน พวกเราต้องส่งทีมแพทย์ไปช่วยเหลือ แต่ขณะนี้แค่ให้คำปรึกษาทางไกลก็ช่วยชีวิตผู้ป่วยได้ทันเวลา ล่าสุดมี 2 กรณีที่มีเลือดออกในการผ่าคลอด พวกเราได้ให้คำปรึกษาทางไกลซึ่งสามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยได้ทันเวลา”

“การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี 4.0 ในการตรวจและรักษาโรคทางไกลมีประโยชน์อย่างมาก ช่วยลดการเดินทางของแพทย์และได้อัพเดทความรู้ใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง ประชาชนมีความเชื่อมั่นว่า แม้จะอยู่ในเขตห่างไกลแต่ก็สามารถเข้าถึงการรักษาจากแพทย์ส่วนกลางได้”

เพียงแค่ลงทุนประมาณ 50 ล้านด่ง โรงพยาบาลในระดับอำเภอสามารถเชื่อมต่อกับระบบการดูแลสุขภาพทางไกลของโรงพยาบาลกลางทุกแห่ง

เพียงแค่ลงทุนประมาณ 50 ล้านด่ง โรงพยาบาลในระดับอำเภอสามารถเชื่อมต่อกับระบบการดูแลสุขภาพทางไกลของโรงพยาบาลกลางทุกแห่ง ในอดีต รูปแบบของการฝึกอบรมและการถ่ายทอดเทคโนโลยีในโครงการโรงพยาบาลเครือข่ายเป็นแบบ "1ต่อ1ซึ่งหมายความว่า โรงพยาบาลส่วนกลาง 1 แห่งดูแลฝึกอบรมโรงพยาบาลท้องถิ่น 1 หนึ่ง" แต่ขณะนี้ โรงพยาบาลกลางแต่ละแห่งสามารถเชื่อมต่อกับโรงพยาบาลระดับท้องถิ่นหลายร้อยแห่งเพื่อให้คำปรึกษาในการตรวจและรักษาทางไกล เช่น ปัจจุบัน มีโรงพยาบาลในจังหวัดและอำเภอ 190 แห่งได้เข้าร่วมเครือข่ายการตรวจและการรักษาทางไกลของโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยการแพทย์ฮานอย นายแพทย์ ฝุ่งดึ๊กสั่ม รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลอำเภอดิ่งฮว้า จังหวัดท้ายเงวียนได้เผยว่า “พวกเรามีความตั้งใจว่า ในไตรมาสแรกของปี 2021 จะติดตั้งระบบการดูแลสุขภาพทางไกลหรือ Telehealth เพื่อเชื่อมต่อกับเครือข่ายดูแลรักษาโรคทางไกล ขณะนี้ พวกเราได้ลงนามสัญญากับโรงพยาบาลแบกมายและโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแพทย์ฮานอย ในเวลาที่ผ่านมา พวกเราสามารถเข้าถึงการให้คำปรึกษาของอาจารย์แพทย์ผ่านทางอินเทอร์เน็ต”

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เหงียนแถ่งลอง เผยว่า หนึ่งในเป้าหมายของโครงการตรวจและรักษาทางไกลคือแพทย์ 1 นายของโรงพยาบาลส่วนกลางสามารถให้การฝึกอบรมแก่แพทย์ 4 นายในโรงพยาบาลระดับจังหวัดและแพทย์4 นายในโรงพยาบาลระดับอำเภอและแพทย์ 2 นายในสถานีอนามัยระดับตำบล โครงการนี้ไม่เพียงแต่ตอบสนองความต้องการของโรงพยาบาลระดับท้องถิ่นในจังหวัดท้ายเงวียนเท่านั้น หากยังเป็นความมุ่งมั่นยกระดับคุณภาพของการตรวจและรักษาโรคและสร้างความพึงพอใจให้กับผู้ป่วย รัฐมนตรี เหงียนแถ่งลอง เผยต่อไปว่า “การเรียนรู้และการฝึกอบรมให้แก่แพทย์เป็นงานประจำและเป็นสิ่งที่แพทย์ทุกระดับต้องการหาทางให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในทุกระดับได้รับการช่วยเหลือด้านวิชาชีพเมื่อจำเป็นและได้รับการสนับสนุนเป็นประจำ พวกเราตั้งความหวังต่อโครงการตรวจและรักษาโรคทางไกล โรงพยาบาลส่วนกลางให้การสนับสนุนแก่โรงพยาบาลในทุกระดับในกรณีที่จำเป็นเพราะเรามีเทคโนโลยี นี่คือแนวโน้มของการแพทย์ที่ทันสมัยเพื่อช่วยชีวิตดูแลสุขภาพและสร้างความพึงพอใจให้แก่ผู้ป่วย”

"การตรวจและรักษาโรคทางไกล" จะช่วยแก้ไขอุปสรรค ความยากลำบากทางภูมิศาสตร์และลดการส่งต่อผู้ป่วย โครงการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยยกระดับความสามารถด้านการรักษาให้แก่โรงพยาบาลระดับล่างและลดสถานการณ์ผู้ป่วยล้นโรงพยาบาลส่วนกลางเท่านั้น หากยังตอบสนองความต้องการของการตรวจและการรักษาในสภาวการณ์ที่ต้องป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด -19 ในสถานพยาบาลควบคู่กับการดูแลรักษาโรคให้แก่ผู้ป่วยในโรงพยาบาลระดับท้องถิ่นย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย./.