การส่งแรรงานไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่น

บริษัทหุ้นส่วน Sovilaco ที่เขตเตินบิ่ง นครโฮจิมินห์เป็นหนึ่งในบริษัทที่แรงงานทั่วประเทศอยากทำงานด้วยมากที่สุด โดยให้บริการส่งแรงงานไปทำงานในเกือบ 30 ประเทศและดินแดนในหลายสิบปีที่ผ่านมา ซึ่งภายหลังผ่านพ้นความยากลำบากมากมายจากการระบาดของโควิด-19 ในปี 2022 ทางบริษัทฯได้เปิดให้บริการอีกครั้งและได้ประสบผลงานที่น่ายินดี ซึ่งสร้างพื้นฐานให้แก่การพัฒนาอย่างเข้มแข็งในปี 2023 และในปีต่อๆไป นาย เหงวียนซวนจุง ผู้อำนวยการใหญ่บริษัทหุ้นส่วน Sovilaco ได้ให้ข้อสังเกตว่า นอกจากการเติบโตของตลาดแรงงานเดิม เช่น ญี่ปุ่น ไต้หวัน ประเทศจีนและสาธารณรัฐเกาหลีแล้ว ตลาดแรงงานใหม่ที่ต้องการแรงงานฝีมือดีและมีค่าจ้างสูงก็มีสัญญาณที่น่ายินดี

“จากการสานต่อผลงานในปี 2022 ในปี 2023 มีสัญญาณที่น่ายินดีในการส่งแรงงานไปทำงานในต่างประเทศ โดยเฉพาะในตลาดแรงงานเดิม ส่วนในตลาดแรงงานใหม่ในยุโรป เช่น ฮังการี โปแลนด์ โรมาเนียและเยอรมนี ก็มีการรับแรงงานเวียดนามเข้าทำงานมากขึ้น ส่วนออสเตรเลีย แคนาดาและบางประเทศในตะวันออกกลางก็มีความประสงค์ที่จะรับแรงงานเวียดนามเข้าทำงาน”

ในปี 2023 เวียดนามตั้งเป้าหมายว่า จะส่งแรงงาน 1 แสน 1 หมื่นคนไปทำงานในต่างประเทศ โดยกระทรวงแรงงาน ทหารทุพพลภาพและสังคมได้เน้นปฏิบัติมาตรการต่างๆเพื่อรักษาตลาดแรงงานเดิมควบคู่กับการพัฒนาตลาดแรงงานในบางประเทศยุโรปและสิงคโปร์ที่มีสภาพการจ้างงานที่ดีและค่าจ้างที่ดีขึ้น ซึ่งได้รับการสนับสนุนและการชื่นชมจากสถานประกอบการ โดยเฉพาะแนวทางการขยายตลาดแรงงานในยุโรปและประเทศที่พัฒนา ส่วนสำหรับสถานประกอบการได้เสนอให้ทางกระทรวงฯมีแผนการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมและคล่องตัวมากขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิผลและค้ำประกันการส่งออกแรงงานอย่างยั่งยืน นาย เหงวียนดึ๊กนาม ประธานกรรมการบริษัทหุ้นส่วน Sona ที่ เขตฮายบ่าตรึงในกรุงฮานอยได้เผยว่า

“ควรขยายตลาดแรงงานที่มีศักยภาพและมีค่าจ้างสูง เช่น ตลาดยุโรปและออสเตรเลีย ซึ่งรัฐบาลและสำนักงานตัวแทนของเวียดนามต้องมีนโยบายและประชุมกับรัฐบาลของประเทศเหล่านี้เพื่อส่งเสริมการสัมมนาและการแลกเปลี่ยนระหว่างสถานประกอบการของทั้งสองฝ่าย อีกทั้งส่งเสริมการลงนามข้อตกลงความร่วมมือเพื่อสนับสนุนงานในด้านนี้”

กิจกรรม Job Fair

ส่วนกรมบริหารแรงงานในต่างประเทศสังกัดกระทรวงแรงงาน ทหารทุพพลภาพและสังคมได้เผยว่า นอกจากนโยบายช่วยเหลือจากหน่วยงานบริหารภาครัฐ สถานประกอบการต้องเป็นฝ่ายรุกในการอบรมเพื่อยกระดับคุณภาพแรงงาน ซึ่งปัจจุบัน ทางกรมฯกำลังประสานงานกับสถาประกอบการในการฝึกอบรมฝีมือแรงงานอย่างมีประสิทธิภาพ นาย เหงวียนยาเคียม รองอธิบดีกรมบริหารแรงงานในต่างประเทศได้ย้ำว่า

“เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดแรงงานต่างประเทศและเพิ่มจำนวนแรงงานที่ไปทำงานในต่างประเทศ ต้องให้ความสำคัญต่อการยกระดับคุณภาพของแรงงาน การเชื่อมโยงระหว่างการฝึกสอนอาชีพกับการส่งแรงงานไปทำงานในต่างประเทศ อีกทั้งสร้างความเชื่อมโยงระหว่างสถานประกอบการกับโรงเรียนอาชีวศึกษาเพื่อตอบสนองความต้องการของหุ้นส่วนในต่างประเทศ”

ทั้งนี้ ด้วยสัญญาณที่น่ายินดีบวกกับความมุ่งมั่นตั้งใจของสถานประกอบการและการชี้นำของหน่วยงานบริหารภาครัฐทำให้เวียดนามสามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ในปี 2023 และในปีต่อๆไป ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ใช้แรงงานและมีส่วนร่วมต่อการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมของประเทศ.