ปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจควบคู่กับการดึงดูดเงินลงทุน FDI จากญี่ปุ่น

(VOVworld) – ในจำนวน 98 ประเทศและดินแดนที่ลงทุนโดยตรงในเวียดนาม ปัจจุบัน ญี่ปุ่นยังคงเป็นประเทศที่มีโครงการลงทุนและเงินลงทุนมากที่สุด....

(VOVworld) – ในจำนวน 98 ประเทศและดินแดนที่ลงทุนโดยตรงในเวียดนาม ปัจจุบัน ญี่ปุ่นยังคงเป็นประเทศที่มีโครงการลงทุนและเงินลงทุนมากที่สุดและโครงการ FDI หลายโครงการของญี่ปุ่นได้รับการประเมินว่า สอดคล้องกับแนวทางการดึงดูดเงินลงทุน FDI ของเวียดนาม โดยเฉพาะโครงการที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและมีส่วนในการขยายตัวของเศรษฐกิจ ถึงอย่างไรก็ดี เวียดนามต้องผลักดันกระบวนการปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจ อำนวยความสะดวกเพื่อดึงดูดเงินลงทุนและขยายโครงการ FDI จากญี่ปุ่นต่อไป

ปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจควบคู่กับการดึงดูดเงินลงทุน FDI จากญี่ปุ่น - ảnh 1
ญี่ปุ่นมีสถานประกอบการหลายแห่งที่ลงทุนในด้านใช้เทคโนโลยีขันสูงในเวียดนาม

ในการสนทนาที่มีชื่อว่า “ปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจในเวียดนามและโอกาสการเพิ่มแหล่งเงินลงทุน FDI จากญี่ปุ่น” ที่มีขึ้น ณ กรุงฮานอยเมื่อเร็วๆนี้ ประเด็นที่ได้รับความสนใจจากบรรดาผู้แทนเวียดนามและญี่ปุ่นคือ การแก้ไขอุปสรรคเพื่อดึงดูดโครงการลงทุน FDI ของญี่ปุ่นเข้าเวียดนามต่อไป ตามรายงานสถิติ จนถึงเดือนสิงหาคมปี 2013 ญี่ปุ่นยังคงเป็นนักลงทุนชั้นนำในเวียดนามโดยมีกว่า 2 พันโครงการ รวมยอดเงินลงทุนจดทะเบียนกว่า 3 หมื่น 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ แหล่งเงินลงทุน FDI จากสถานประกอบการญี่ปุ่นที่ไหลเข้าเวียดนามกำลังเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมในทั้งภาคเหนือ ภาคกลางและภาคใต้ และหลังจากฟันฝ่าระยะแห่งความยากลำบากและผันผวนอย่างซับซ้อนของเศรษฐกิจทั้งในระดับภูมิภาคและโลก จนถึงขณะนี้  โครงการ FDI ของญี่ปุ่นยังคงดำเนินงานอย่างยั่งยืน แถมยังมีบางโครงการได้เพิ่มเงินทุนขยายกิจกรรมอีกด้วย นาย ฟานฮิ๊วทั้ง ผู้เชี่ยวชาญกรมลงทุนจากต่างประเทศของกระทรวงวางแผนและการลงทุนได้ประเมินว่าขณะนี้ นักธุรกิจที่ลงทุนในภาคอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงและผลิตเครื่องจักรกลส่วนใหญ่คือนักธุรกิจญี่ปุ่นซึ่งสิ่งนี้สอดคล้องกับแนวทางการดึงดูดนักลงทุนที่พวกเราได้วางไว้ในตอนแรกคือ ยกระดับคุณภาพแหล่งเงินลงทุน FDI ที่ไหลเข้าเวียดนาม
จนถึงเดือนสิงหาคมปี 2013 ญี่ปุ่นยังคงเป็นประเทศนำหน้าในจำนวนประเทศและดินแดนที่มีเงินลงทุน FDI ในเวียดนาม รวมยอดเงินลงทุนจดทะเบียนใหม่และเพิ่มเติมคือ 4.35 พันล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 34.5 ในจำนวนเงินลงทุน FDI ของทั่วประเทศคือ 12.6 พันล้านเหรียญสหรัฐโดยโครงการของบริษัทหุ้นส่วนปีโตรเลียม งีเซินได้ปรับเพิ่มเงินลงทุนขึ้นเป็น 2.8 พันล้านเหรียญสหรัฐซึ่งได้มีส่วนร่วมนำจังหวัดแทงฮว้ากลายเป็นท้องถิ่นนำหน้าของประเทศในด้านการดึงดูดเงินลงทุน จนถึงขณะนี้ อุตสาหกรรมแปรรูป ผลิตเครื่องจักรกลและหน่วยงานที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงคิดเป็นร้อยละ 86 ของจำนวนเงินลงทุนจดทะเบียน FDI ของญี่ปุ่นในเวียดนาม สถานประกอบการญี่ปุ่นหลายแห่งได้เปลี่ยนแนวทางการลงทุนโดยเน้นการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ในระยะยาวซึ่งสิ่งนี้สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของเวียดนาม นาย หวูเตี๊ยนหลก ประธานหอการค้าและอุตสาหกรรมเวียดนามหรือวีซีซีไอได้เผยว่าปัจจุบัน นโยบายของรัฐบาลคือส่งเสริมการลงทุนในภาคการผลิต โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูง ผมคิดว่า บรรยากาศการลงทุนในเวลาที่จะถึงควรกำหนดแนวทางการผลิตด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง”

แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศ รวมทั้งนักลงทุนญี่ปุ่น เวียดนามต้องพยายามให้มากขึ้นในการปรับปรุงบรรยากาศการลงทุน โดยเฉพาะต้องผลักดันการฝึกอบรมแหล่งบุคคลากรที่มีคุณภาพสูง เพิ่มความสมบูรณ์ของโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออำนวยความสะดวกในการรองรับโครงการลงทุนต่างๆซึ่งท่าน บุ่ยกวางวิง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวางแผนและการลงทุนได้เผยว่า รัฐบาลเวียดนามได้กำหนด 3 ประเด็นหลักที่ต้องให้ความสนใจได้แก่ การปฏิรูประเบียบราชการ การสร้างสรรค์ระบบกฎหมายเพื่อสร้างก้าวกระโดดให้แก่เศรษฐกิจเวียดนามและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้ดีเพื่อดึงดูดเงินลงทุนเพื่อดึงดูดนักลงทุนให้มากยิ่งขึ้น เวียดนามต้องเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจโดยอาศัยการขยายตัวในด้านคุณภาพ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เช่นทักษะวิชาชีพการบริหาร ผลผลิต การประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ผลักดันการฝึกอบรมแหล่งบุคลากรที่มีคุณภาพและมีโครงสร้างพื้นฐานที่ดี

ปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจควบคู่กับการดึงดูดเงินลงทุน FDI จากญี่ปุ่น - ảnh 2
บริษัทผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่นประกอบธุรกิจอย่างยั่งยืนในเวียดนาม
ในการสนทนา“ปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจในเวียดนามและโอกาสผลักดันแหล่งเงินลงทุน FDI จากญี่ปุ่น” ในกรอบฟอรั่มสุดยอดเวียดนาม ญี่ปุ่นที่มีขึ้น ณ กรุงฮานอย นาย Daisuke Hiratsuka รองประธานบริหารองค์การส่งเสริมการค้าญี่ปุ่นหรือ JETRO ได้เผยว่า ในรอบ 1 ปี ตั้งแต่เดือนเมษายนปี 2012 ถึงเดือนมีนาคมปี 2013 มีนักลงทุนกว่า 1 หมื่น 2 พันคนได้เดินทางมาที่สำนักงานของ JETRO ในกรุงฮานอยและนครโฮจิมินห์เพื่อขอข้อมูลคำปรึกษาด้านการลงทุนในเวียดนามซึ่งสิ่งนี้ได้ยืนยันว่า “สถานประกอบการญี่ปุ่นให้ความสนใจอย่างจริงจังต่อเวียดนามและเวียดนามกำลังมีโอกาสมากมายเพื่อดึงดูดเงินลงทุน FDI จากญี่ปุ่น”./.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด