การปะทะระหว่างกลุ่มฮามาสกับอิสราเอลเพิ่มความเสี่ยงต่อสถานการณ์ในภูมิภาคตะวันออกกลางในปีนี้

(VOVWORLD) -การปะทะระหว่างกลุ่มฮามาสกับอิสราเอลเป็นความผันผวนทางภูมิรัฐศาสตร์ในภูมิภาคตะวันออกกลางในปีนี้  เป็นการปะทะครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษที่ผ่านมาระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส สร้างความเสียหายอย่างหนักต่อทั้งสองฝ่าย อีกทั้งคุกตามต่อสันติภาพที่เปราะบางในภูมิภาคตะวันออกกลาง

การปะทะระหว่างกลุ่มฮามาสกับอิสราเอลเพิ่มความเสี่ยงต่อสถานการณ์ในภูมิภาคตะวันออกกลางในปีนี้ - ảnh 1กองทัพอิสราเอลทำการโจมตีทางอากาศใส่เมือง Khan Yunis ทิศใต้ฉนวนกาซาเมื่อวันที่ 9 ธันวาคมปี 2023 (Photo: AFP/TTXVN)

เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม  กลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาได้เปิดการโจมตีครั้งใหญ่ใส่เขตชุมชนและฐานทัพของกองทัพอิสราเอลในฉนวนกาซา ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายคนและจับกุมตัวประกันนับร้อยคน  ส่วนรัฐบาลอิสราเอลได้เปิดการโจมตีตอบโต้ครั้งใหญ่ใส่ฉนวนกาซานับตั้งแต่ปี 1973  จนทำให้เกิดการปะทะครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมาในฉนวนกาซา

การปะทะที่ดุเดือดและวิกฤตด้านมนุษยธรรม

การปะทะระหว่างกลุ่มฮามาสกับอิสราเอลยังไม่มีสัญญาณที่จะยุติลงถึงแม้จะยืดเยื้อมาแล้ว 2 เดือน โดยทั้งสองฝ่ายได้รับความเสียหายอย่างหนักในด้านชีวิตและวิกฤตด้านมนุษยธรรมนับวันร้ายแรงมากขึ้น จนถึงกลางเดือนธันวาคม ข้อมูลของสหประชาชาติ สำนักงานสาธารณสุขในฉนวนกาซาและทางการอิสราเอลระบุว่า มีผู้เสียชีวิตเกือบ 2 หมื่นคน ซึ่งในนั้นเป็นนักรบของกลุ่มฮามาสและชาวปาเลสไตน์กว่า 1 หมื่น 8 พันคน และเป็นประชาชนผู้บริสุทธิ์และทหารอิสราเอลกว่า 1,400 คน ซึ่งเป็นจำนวนผู้เสียชีวิตที่มากที่สุดของอิสราเอลและปาเลสไตน์นับตั้งแต่ปี 1948

การปะทะนี้ไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายด้านชีวิตเท่านั้นหากยังสร้างความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานและเศรษฐกิจสังคมในฉนวนกาซาอีกด้วย ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของประชาชนกว่า 2. 3 ล้านคน ข้อมูลจากศูนย์ดาวเทียมแห่งสหประชาชาติหรือ  UNOSAT ทำให้เห็นว่า  จนถึงกลางเดือนธันวาคม โครงสร้างพื้นฐานในฉนวนกาซาประมาณร้อยละ 60 ได้รับความเสียหาย ซึ่งในนั้นเกือบร้อยละ 20 ถูกทำลายทั้งหมด ประชากรในฉนวนกาซากว่าร้อยละ 80หรือประมาณ 1.8 ล้านคนต้องทิ้งบ้านเรือนเพื่ออพยพ ระบบสาธารณสุขและระบบสาธารณูปโภคใกล้ล่มสลาย   ปัญหาความอดอยากและโรคระบาดกำลังคุกคามต่อชีวิตของประชาชนนับแสนคน รวมทั้งเด็ก ๆ

จากความดุเดือดของการปะทะในฉนวนกาซา ความพยายามทางการทูตในภูมิภาคและโลกได้รับการผลักดันในตลอดกว่า 2 เดือนในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยสหประชาชาติได้จัดการประชุมฉุกเฉินกว่า 10 นัดเพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ในภูมิภาคและอนุมัติมติ 2 ฉบับเพื่อสนับสนุนการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในระยะยาว เพื่อมีส่วนร่วมผลักดันกิจกรรมการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและมุ่งสู่การแสวงหามาตรการทางการเมืองเพื่อแก้ปัญหาการปะทะ ซึ่งอิสราเอลและกลุ่มฮามาสได้เห็นพ้องเกี่ยวกับข้อตกลงพักรบชั่วคราวเป็นเวลา 7 วันในระหว่างวันที่ 24 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม เพื่อแลกเปลี่ยนตัวประกันและความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม นาย Josep Borrell  ผู้แทนระดับสูงของสหภาพยุโรปด้านการต่างประเทศและนโยบายความมั่นคงของสหภาพยุโรปหรืออียู ให้ข้อสังเกตว่า

“สหประชาชาติได้ชี้ชัดถึงสถานการณ์ในปัจจุบันในฉนวนกาซาและข้อตกลงหยุดยิงไม่สามารถปฏิบัติได้เนื่องจากไม่ได้รับความเห็นชอบจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ประเทศต่างๆควรเห็นพ้องกันเกี่ยวกับข้อเสนอเพื่อมุ่งสู่การยุติการปะทะ  ช่วยแก้ไขสถานการณ์ด้านมนุษยธรรม”

การปะทะระหว่างกลุ่มฮามาสกับอิสราเอลเพิ่มความเสี่ยงต่อสถานการณ์ในภูมิภาคตะวันออกกลางในปีนี้ - ảnh 2นาย Josep Borrell  ผู้แทนระดับสูงของสหภาพยุโรปด้านการต่างประเทศและนโยบายความมั่นคงของสหภาพยุโรป (Photo:Euronews)

ภัยคุกคามต่อความมั่นคงที่เปราะบางในภูมิภาคตะวันออกลาง

ในสภาวการณ์ที่การปะทะในฉนวนกาซามีความผันผวนที่ยากจะคาดเดาได้ ความมั่นคงและเศรษฐกิจในภูมิภาคนับวันได้รับผลกระทบอย่างหนัก สำหรับด้านการทูต ความพยายามและผลการปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลกับบรรดาประเทศอาหรับในภูมิภาคมีความเสี่ยงที่จะถูกทำลาย เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ทางการซาอุดิอาระเบียได้ประกาศระงับการหารือเกี่ยวกับการปรับความสัมพันธ์กับอิสราเอลให้เป็นปกติ ส่วนในระยะยาว บรรดาผู้สังเกตการณ์ให้ข้อสังเกตว่า ถ้าหากการปะทะในฉนวนกาซาอยู่เหนือการควบคุมและจำนวนผู้เสียชีวิตชาวปาเลสไตน์เพิ่มสูงขึ้น ข้อตกลง อับราฮัมครั้งประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการปรับความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และบาห์เรนให้เป็นปกติที่ได้รับการลงนามเมื่อเดือนกันยายนปี 2020 ก็เสี่ยงที่จะถูกทำลาย

สำหรับด้านเศรษฐกิจ ผลกระทบจากการปะทะในฉนวนกาซานับวันสูงขึ้น เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน ธนาคารกลางอิสราเอลเผยว่า การปะทะนี้ได้สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจอิสราเอลอย่างน้อย 5 หมื่น 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และถ้าหากการปะทะยืดเยื้อเป็นเวลานาน ก็จะสร้างความเสียหายมากขึ้น  ส่วนระบบเศรษฐกิจในฉนวนกาซาได้รับการประเมินว่า ล่มสลาย นอกจากนี้ การโจมตีของกลุ่มฮูธิในประเทศเยเมนใส่เรือบรรทุกสินค้าในทะเลแดงนับวันเพิ่มมากขึ้นด้วยเหตุผลเพื่อป้องกันไม่ให้เรือสินค้าเข้าออกอิสราเอล ซึ่งสร้างความชะงักงันในเส้นทางเดินเรือที่สำคัญของโลก นับตั้งแต่กลางเดือนธันวาคมทำให้บริษัทผู้ให้บริการขนส่งสินค้าทางทะเลและเครือบริษัทชั้นนำของโลก เช่น MAERSK, Hapag-Lloyd, CMA-CGM, Evergreen, Euronav  ได้ประกาศระงับการขนส่งสินค้าผ่านทะเลแดงและคลองสุเอซเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะถูกโจมตี ความผันผวนนี้จะส่งผลกระทบต่อการแลกเปลี่ยนทางการค้าในภูมิภาคและโลกเนื่องจากการขนส่งสินค้าผ่านทะเลดำและคลองสุเอซคิดเป็นร้อยละ 50 ของการขนส่งทางเรือในโลก

จากสถานการณ์ปัจจุบัน ประชาคมโลกเห็นว่า การปะทะในฉนวนกาซาสามารถแก้ไขได้ผ่านความพยายามของทุกฝ่ายในการผลักดันมาตรการสองรัฐอยู่ร่วมกันอย่างสันติ นาย Sameh Shoukry  รัฐมนตรีต่างประเทศอียิปต์ กล่าวว่า

“พวกเราไม่สามารถกล่าวถึงมาตรการสองรัฐอยู่ร่วมกันอย่างสันติโดยไม่มีการปฏิบัติที่จริงจังได้  ประชาคมโลกและคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติต้องระดมแหล่งพลังที่จำเป็นเพื่อบรรลุความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์เพื่อยุติการปะทะนี้ นี่คือมาตรการสองรัฐอยู่ร่วมกันอย่างสันติ”

จากความพยายามและความอดกลั้นของฝ่ายต่างๆ การปะทะในฉนวนกาซายังคงอยู่ภายใต้การควบคุม แต่บรรดาผู้เชี่ยวชาญวิตกกังวลว่า ถ้าหากการปะทะยืดเยื้อ สถานการณ์ความมั่นคงในภูมิภาคตะวันออกกลางจะถูกทำลาย ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อโลกเพราะภูมิภาคตะวันออกกลางเป็นฐานการผลิตน้ำมันดิบร้อยละ 35 และก๊าซธรรมชาติร้อยละ 14 ของโลก.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด