การเยือนเมียนมาร์ของเลขาธิการใหญ่พรรคฯเวียดนามสร้างพลังขับเคลื่อนใหม่ให้แก่ความสัมพันธ์ทวิภาคี

(VOVWORLD) -วันที่24สิงหาคม ท่าน เหงวียนฟู้จ่อง เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามได้เริ่มการเยือนสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ในระหว่างวันที่24-26สิงหาคมตามคำเชิญของประธานาธิบดีเมียนมาร์ ถิ่นจอ ซึ่งการเยือนเมียนมาร์ครั้งนี้ของท่านเลขาธิการใหญ่พรรคฯเวียดนามเป็นนิมิตหมายใหม่และสร้างพลังขับเคลื่อนให้แก่การพัฒนาความสัมพันธ์ร่วมมือในทุกด้านระหว่างสองประเทศให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
การเยือนเมียนมาร์ของเลขาธิการใหญ่พรรคฯเวียดนามสร้างพลังขับเคลื่อนใหม่ให้แก่ความสัมพันธ์ทวิภาคี - ảnh 1ท่าน เหงวียนฟู้จ่อง เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม 

นี่เป็นการเยือนเมียนมาร์ครั้งแรกของเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามในรอบ20ปีนับตั้งแต่การเยือนของเลขาธิการใหญ่พรรคฯ โด๋เหมื่อยเมื่อปี1997   การเยือนเมียนมาร์ครั้งนี้ของท่านเหงวียนฟู้จ่องได้มีขึ้นในสภาวการณ์ที่ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศกำลังย่างเข้าสู่ระยะแห่งการพัฒนาใหม่ที่มีทั้งโอกาสและความสะดวก

ความร่วมมืออย่างมีประสิทธิภาพในหลายด้าน

  ปี2017 เวียดนามและเมียนมาร์ได้ฉลองครบรอบ42ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตและครบรอบ70ปีวันเวียดนามเปิดสำนักงานตัวแทนแห่งแรกในเมียนมาร์ แต่อย่างไรก็ดี นิมิตหมายของความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศไม่ใช่แค่ระยะเวลาที่ทั้งสองประเทศสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเท่านั้นหากยังรวมถึงกระบวนการพัฒนาอีกด้วย

สำหรับความร่วมมือด้านการเมือง ทั้งสองประเทศได้ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนทุกระดับ โดยเฉพาะ ระดับสูง  รวมถึงการเยือนเวียดนามครั้งล่าสุดของประธานาธิบดีเมียนมาร์ ถิ่นจอเมื่อปี2016และการเยือนของผู้บัญชาการกองกำลังติดอาวุธเมียนมาร์เมื่อเดือนมีนาคมปี2017  การเยือนเมียนมาร์ของประธานรัฐสภา เหงวียนถิกิมเงินในโอกาสเข้าร่วมการประชุมไอป้า-37ที่มีขึ้นที่ประเทศเมียนมาร์เมื่อปี2016

สำหรับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ในหลายปีที่ผ่านมา เวียดนามและเมียนมาร์ได้ธำรงความร่วมมือใน12ด้านที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆ ได้แก่ การเกษตร  การปลูกพืชอุตสาหกรรม สัตว์น้ำ การเงิน-ธนาคาร การบิน โทรคมนาคม ปิโตรเลี่ยม การขุดเจาะแร่ธาตุ การผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า การผลิตและประกอบรถยนต์ การก่อสร้าง การลงทุนและการค้า   โดยมูลค่าการค้าต่างตอบแทนระหว่างสองประเทศในปี2016อยู่ที่550ล้านดอลลาร์สหรัฐ  ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่ผู้นำทั้งสองประเทศได้วางไว้  ทั้งสองประเทศได้ปฏิบัติโครงการร่วมมือด้านเศรษฐกิจ เช่น การจัดตั้งสมาคมสถานประกอบการเวียดนามที่ลงทุนในเมียนมาร์ การก่อสร้างศูนย์คอมเพล็กซ์หว่างแองยาลายในเมืองย่างกุ้ง  การเปิดเส้นทางบินตรงระหว่างกรุงฮานอยกับเมืองย่างกุ้งของสายการบินเวียดนามแอร์ไลน์ ความร่วมมือในการขุดเจาะปิโตรเลี่ยม โครงการก่อสร้างโรงงานผลิตและจำหน่ายเภสัชภัณฑ์ของบริษัทหุ้นส่วนเภสัชภัณฑ์แอ๊งซาวเวียด เป็นต้น เมื่อเดือนมีนาคมปี2016  เมียนมาร์ได้อนุญาตให้ธนาคารการลงทุนและพัฒนาเวียดนามหรือ BIDVเปิดสำนักงานตัวแทนในประเทศเมียนมาร์ สิ่งที่น่าสนใจคือ เมื่อต้นปี2017  บริษัท Mytel ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างเครือบริษัทโทรคมนาคมกองทัพเวียดนามหรือเวียดเทลกับสองหุ้นส่วนของเมียนมาร์ได้รับใบอนุญาตให้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการให้บริการด้านโทรคมนาคมในเมียนมาร์ รวมยอดเงินลงทุนเกือบ1.8พันล้านดอลลาร์สหรัฐ  หลังจากที่ได้รับการเปิดตัว  Mytelจะเป็นเครือบริษัทโทรคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเมียนมาร์  โดยมีโครงข่ายสัญญาณครอบคลุมพื้นที่ของประเทศถึงร้อยละ90  ซึ่งโครงการลงทุนของเครือบริษัทเวียดเทลไม่เพียงแต่สร้างผลประโยชน์ด้านเศรษฐกิจเท่านั้นหากยังส่งเสริมชื่อเสียงของเวียดนามในเมียนมาร์อีกด้วย   นอกจากนี้ เครื่องหมายการค้าของสินค้าและการให้บริการของเวียดนามก็ได้รับความชื่นชมจากผู้บริโภคเมียนมาร์เนื่องจากมีคุณภาพดีและราคาที่เหมาะสม

  จนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ปี2017 บรรดาสถานประกอบการเวียดนามได้ลงทุนกว่า2พันล้านดอลลาร์สหรัฐในโครงการลงทุนต่างๆในเมียนมาร์ จากผลงานดังกล่าว เวียดนามได้กลายเป็นหุ้นส่วนการค้ารายใหญ่อันดับ9และเป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่อันดับ7ของเมียนมาร์   เจ้าหน้าที่เมียนมาร์ได้เผยว่า จากการเปิดตลาด เมียนมาร์มีความประสงค์ที่จะดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาประกอบธุรกิจ รวมทั้ง นักลงทุนในเวียดนาม   โดยรัฐสภาเมียนมาร์กำลังผลักดันการปรับปรุงนโยบายเกี่ยวกับการลงทุน รวมทั้ง กฎหมายการลงทุนจากต่างประเทศและกฎหมายสถานประกอบการในเวลาที่จะถึง

  เวียดนามและเมียนมาร์ได้มีกลไกการสนทนาด้านการเมืองและความมั่นคง ทั้งสองประเทศได้ปฏิบัติกลไกการสนทนาด้านความมั่นคงระดับรัฐมนตรีช่วยระหว่างกระทรวงรักษาความมั่นคงทั่วไปเวียดนามกับกระทรวงมหาดไทยเมียนมาร์อย่างมีประสิทธิภาพ  แลกเปลี่ยนข้อมูลและความร่วมมือในกรอบข้อตกลงเกี่ยวกับการป้องกันและต่อต้านอาชญากรรมที่ได้ลงนามเมื่อปี2014และปฏิบัติกลไกการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนระดับรัฐมนตรี2ครั้งต่อปีอย่างมีประสิทธิภาพ

การเยือนเมียนมาร์ของเลขาธิการใหญ่พรรคฯเวียดนามสร้างพลังขับเคลื่อนใหม่ให้แก่ความสัมพันธ์ทวิภาคี - ảnh 2

ศักยภาพความร่วมมือที่ดีงาม

  ผลความร่วมมือระหว่างสองประเทศในเวลาที่ผ่านมาเป็นพื้นฐานเพื่อให้เวียดนามและเมียนมาร์ส่งเสริมความร่วมมือในเวลาที่จะถึง  ทั้งสองประเทศกำลังมุ่งสู่การจัดทำกลไกความร่วมมือเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์การเกษตร วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การสอนอาชีพและสาธารณสุข เป็นต้น นี่คือเหตุผลที่ทำให้ทั้งสองฝ่ายต้องลงนามบันทึกช่วยจำเกี่ยวกับความร่วมมือทวิภาคีและต้องจัดตั้งคณะกรรมการความร่วมมือในด้านนี้

ดังนั้น ในกรอบการเยือนเมียนมาร์ครั้งนี้ของท่านเลขาธิการใหญ่พรรคฯเวียดนาม บรรดาผู้นำทั้งสองประเทศจะหารือเกี่ยวกับแนวทางใหญ่เพื่อสร้างพลังขับเคลื่อนผลักดันความสัมพันธ์มิตรภาพที่มีมาช้านานและความร่วมมือในหลายด้านระหว่างสองประเทศ  พร้อมทั้ง สร้างกรอบความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ร่วมมือในหลายด้านระหว่างสองประเทศให้มีประสิทธิภาพและจริงจังมากขึ้น โดยเฉพาะ การค้า การลงทุน ความมั่นคงและกลาโหม

จากศักยภาพความร่วมมือที่มีอยู่และการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ การเยือนครั้งนี้ของท่านเลขาธิการใหญ่พรรคฯเวียดนามจะสร้างพลังขับเคลื่อนเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ร่วมมือในหลายด้านระหว่างสองประเทศ.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด