ก้าวพัฒนาใหม่ของความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับอินโดนีเซีย

(VOVWORLD) -ในระหว่างวันที่ 22 – 24 สิงหาคม ท่านเหงียนฟู้จ่อง เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามได้เดินทางไปเยือนประเทศอินโดนีเซีย นี่เป็นการเยือนอินโดนีเซียครั้งแรกของท่านเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามนับตั้งแต่ที่ทั้งสองประเทศสถาปนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ และประจวบกับโอกาสฉลองครบรอบ 50 ปีการจัดตั้งกลุ่มอาเซียน ซึ่งมีความหมายพิเศษและสร้างพลังใหม่ให้แก่ความสัมพันธ์ในทุกด้านของทั้งสองประเทศ
ก้าวพัฒนาใหม่ของความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับอินโดนีเซีย - ảnh 1ท่านเหงียนฟู้จ่อง เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามเยือนประเทศอินโดนีเซีย (Photo VNplus)

เวียดนามและอินโดนีเซียได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อวันที่ 30 ธันวาคมปี 1955 สัมพันธไมตรีที่มีมาช้านานระหว่างเวียดนามกับอินโดนีเซียที่ประธานโฮจิมินห์และประธานาธิบดีซูการ์โนผู้ล่วงลับได้สถาปนา รวมทั้งผู้นำและประชาชนทั้งสองประเทศหลายรุ่นได้ทำนุบำรุงนับวันยิ่งพัฒนาอย่างดีงาม ทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี โดยเฉพาะในกรอบของอาเซียน

อินโดนีเซีย – หุ้นส่วนที่สำคัญของเวียดนาม

เวียดนามและอินโดนีเซียมีความคล้ายคลึงกันในหลายด้านและยังเป็นสมาชิกของอาเซียน ฟอรั่มความร่วมมือด้านเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิกหรือเอเปก รวมถึงเป็นสมาชิกในองค์กรและฟอรั่มระดับภูมิภาคและโลกต่างๆ สำหรับเวียดนาม อินโดนีเซียเป็นหุ้นส่วนที่สำคัญและมีศักยภาพ ส่วนอินโดนีเซียให้ความสำคัญต่อบทบาทและสถานะของเวียดนาม ซึ่งเป็น 1 ในประเทศที่มีอิทธิพลในอาเซียน เวียดนามเป็นประเทศแรกและประเทศเดียวในกลุ่มอาเซียนที่อินโดนีเซียได้สถาปนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ นายฝามบิ่งมิงห์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศย้ำว่า “จากบทบาทและสถานะที่สำคัญของอินโดนีเซียบนเวทีภูมิภาคและโลก การสร้างสรรค์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์จะเป็นประโยชน์ต่อยุทธศาสตร์ของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะสันติภาพ ความร่วมมือและการพัฒนาอย่างมีเสถียรภาพในภูมิภาค ซึ่งมีความหมายสำคัญมาก”

            ในแง่มุมทางเศรษฐกิจ เวียดนามและอินโดนีเซียเป็นเศรษฐกิจที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว อินโดนีเซียเป็นเศรษฐกิจรายใหญ่อันดับที่ 16 ของโลกและเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปี 2016 เศรษฐกิจอินโดนีเซียมีการขยายตัวกว่าร้อยละ 5 เป็น1ในประเทศผู้ผลิตที่ใหญ่ที่สุดของโลก ในหลายปีมานี้ การแลกเปลี่ยนการค้าระหว่างเวียดนามกับอินโดนีเซียมีก้าวพัฒนาที่น่ายินดี โดยมูลค่าการค้าต่างตอบแทนได้เพิ่มขึ้นจาก 4.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเป็น 5.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2016 ด้วยอัตราการขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 5 ต่อปี ทั้งสองฝ่ายพยายามบรรลุ 1 หมื่นพันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2018 ปัจจุบันนี้ อินโดนีเซียเป็นนักลงทุนรายใหญ่อันดับที่ 5 ในอาเซียนและอันดับที่ 30 จาก 105 ประเทศและดินแดนที่ลงทุนในเวียดนามรวม 59 โครงการ

ควบคู่กับเศรษฐกิจ เวียดนามและอินโดนีเซียยังขยายความร่วมมือในด้านกลาโหมและความมั่นคงผ่านกลุ่มปฏิบัติงานร่วมของกองทัพเรือระหว่างสองประเทศ ผลักดันการจัดตั้งโทรศัพท์สายตรง ปฏิบัติกิจกรรมร่วมเกี่ยวกับการค้นหากู้ภัย ผลักดันการเจรจาเกี่ยวกับการกำหนดเขตเศรษฐกิจจำเพาะระหว่างสองประเทศ

ผลักดันความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรม

อย่างไรก็ตาม ในหลายปีมานี้ การกระทบกระทั่งกันระหว่างเรือประมงเวียดนามกับเรือของอินโดนีเซียมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เพราะในปัจจุบันเวียดนามกับอินโดนีเซียยังไม่มีการกำหนดไหล่ทวีปที่ทับซ้อนกันอย่างชัดเจน ซึ่งทั้งสองฝ่ายกำลังพยายามหาทางแก้ไขปัญหานี้อย่างสมบูรณ์ โดยเมื่อเดือนกรกฎาคม ในการพบปะกับรองนายกรัฐมนตรีเวียดนามเวืองดิ่งเหวะที่ กรุงจาการ์ตา รองประธานาธิบดีอินโดนีเซียได้ยืนยันว่า จะสั่งให้สำนักงานที่เกี่ยวข้องประสานงานกับเวียดนามเกี่ยวกับปัญหาชาวประมงและเรือประมง รวมถึงข้อเสนอของเวียดนามเกี่ยวกับการขยายเวลาข้อตกลงว่าด้วยการแจ้งและสนับสนุนสถานกงสุลใหญ่และบันทึกช่วยจำเกี่ยวกับความร่วมมือทางทะเลและการทำประมงปี 2010 สำหรับปัญหานี้ นายหว่างแองต๊วน เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำอินโดนีเซียเผยว่า ทั้งสองฝ่ายกำลังพยายามผลักดันมาตรการอย่างรอบด้านที่เอื้อประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่ายเพื่อแก้ไขปัญหาการพิพาทในทะเล “จากความพยายามของฝ่ายเวียดนาม ความร่วมมือในด้านประมงระหว่างกระทรวง สำนักงานและหน่วยงานของเวียดนามกับฝ่ายอินโดนีเซียได้มีก้าวพัฒนาใหม่ ซึ่งทุกข้อเสนอของเวียดนามต่างได้รับการตอบสนองจากฝ่ายอินโดนีเซีย ซึ่งก็เอื้อประโยชน์ต่อทั้งอินโดนีเซียและเวียดนาม หวังว่า บันทึกช่วยจำว่าด้วยความร่วมมือในด้านประมงระหว่างเวียดนามกับอินโดนีเซียในระยะปี 2016-2020 จะได้รับการลงนามโดยเร็ว จากความร่วมมือใหม่นี้ เราสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้”

ในสภาวการณ์ดังกล่าว การเยือนสาธารณรัฐอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการในครั้งนี้ของเลขาธิการใหญ่พรรคเหงียนฟู้จ่องจะช่วยขยายความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นในอนาคต.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด