ความพยายามเพื่อแสวงหาโอกาสการเจรจาสันติภาพระหว่างสหรัฐกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี
Hong Van- VOV5 -  
(VOVWORLD) -หลังจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์เปลี่ยนแปลงการตัดสินใจอย่างรวดเร็วเกี่ยวกับการพบปะสุดยอดระหว่างสหรัฐกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี ในหลายวันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ของทั้งสองประเทศกำลังผลักดันกิจกรรมทางการทูตเพื่อช่วยให้กระบวนการสนทนาดำเนินไปอย่างถูกทิศทาง แม้จะมีความขัดแย้งในระยะยาวและจุดยืนที่แตกต่างกันแต่ประชาคมโลกยังหวังว่า นี่จะเป็นจุดเริ่มต้นให้แก่ความสัมพันธ์ใหม่
ประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์และผู้นำสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี คิมจองอึน (Photo: AFP/TTXVN) |
เมื่อวันที่24พฤษภาคม ประธานาธิบดีสหรัฐโดนัลด์ ทรัมป์ได้ส่งจดหมายถึงผู้นำสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี คิมจองอึน โดยโยนความผิดให้แก่ท่าทีที่เป็นอริของเปียงยางที่ทำให้ทั้งสองประเทศพลาดโอกาสจัดการพบปะสุดยอด แต่หลังจากนั้นแค่24ชั่วโมง นาย โดนัลด์ ทรัมป์ได้เปลี่ยนแปลงท่าที โดยเผยว่า การพบปะสุดยอดอาจมีขึ้นตามกำหนด ตั้งแต่วันนั้น เจ้าหน้าที่ทั้งสองประเทศเร่งเตรียมความพร้อมให้แก่การพบปะดังกล่าว
ความต้องการสนทนาเพื่อลดความขัดแย้งระหว่างสองประเทศ
ถึงแม้ประธานาธิบดีสหรัฐประกาศยกเลิกการพบปะสุดยอดกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีเมื่อวันที่24พฤษภาคม การกระทำนี้ไม่ได้ทำให้เปียงยางมีท่าทีที่แข็งกร้าวและยืนยันว่า พร้อมที่จะทำการสทนากับสหรัฐ โดยเมื่อวันที่26พฤษภาคม ผู้นำ คิมจองอึน ได้มีการพบปะกับประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี มุนแจอินที่หมู่บ้านพักรบปันมุนจอมเพื่อหารือเกี่ยวกับการค้ำประกันความสำเร็จของการพบปะสุดยอดกับสหรัฐถ้าหากยังคงจัดขึ้นตามกำหนด ซึ่งเป็นการพบปะสุดยอดระหว่างสาธารณรัฐเกาหลีกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีครั้งที่2ในรอบ1เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งในการพบปะครั้งนี้ ผู้นำทั้งสองประเทศได้เผยว่า การพบปะสุดยอดระหว่างสหรัฐกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีต้องถูกจัดขึ้นตามกำหนดและความพยายามปลอดนิวเคลียร์และสันติภาพที่ถาวรบนคาบสมุทรเกาหลีต้องได้รับการธำรง นอกจากนี้ เปียงยางยังเป็นฝ่ายรุกในการปิดฐานทดลองนิวเคลียร์Punggye-ri ซึ่งเคยใช้ทำการทดลองนิวเคลียร์6ครั้ง
ในขณะเดียวกัน สหรัฐได้ส่งคณะเจ้าหน้าที่นำโดยนาย Sung Kim อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสาธารณรัฐเกาหลีและปัจจุบันคือเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำฟิลิปปินส์เดินทางไปยังกรุงเปียงยางเพื่อทำการเจรจาเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมให้แก่การพบปะสุดยอดระหว่างสองประเทศ ในขณะเดียวกัน รองปลัดสำนักทำเนียบขาวJoe Haginพร้อมคณะผู้แทนสหรัฐได้เดินทางไปยังประเทศสิงคโปร์เพื่อเตรียมความพร้อมให้แก่การพบปะดังกล่าว
ซึ่งความพยายามดังกล่าวของสหรัฐและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีได้แสดงให้เห็นว่า ทั้งสองฝ่ายอยากทำการสนทนาเพื่อลดความขัดแย้งต่างๆที่ขัดขวางความสัมพันธ์ทวิภาคี ซึ่งทำให้ประชามติมีความเชื่อมั่นว่า อาจนำไปสู่การพบปะสุดยอดระหว่างสองประเทศ ซึ่งจะสร้างก้าวกระโดดเกี่ยวกับปัญหานิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี
ความพยายามเพื่อลดความขัดแย้ง
ประชาคมโลกชื่นชมความพยายามของทั้งสหรัฐและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีในการจัดการพบปะสุดยอดตามกำหนดแต่ยังไม่มีความมั่นใจเกี่ยวกับผลการพบปะดังกล่าว แต่อย่างไรก็ดี ภายหลังความพยายามทางการทูตของทั้งสองฝ่ายเมื่อเร็วๆนี้ บรรดานักวิเคราะห์เห็นว่า การเจรจาอาจช่วยลดความขัดแย้งระหว่างสองประเทศเกี่ยวกับการปลอดนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลีได้
สถานีวิทยุและโทรทัสน์สาธารณรัฐเกาหลีได้เผยว่า คณะผู้แทนของสหรัฐและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีได้หารือเกี่ยวกับแนวทางการปลอดนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลีและมาตรการค้ำประกันความปลอดภัยของทางการเปียงยาง รวมทั้ง วิธีการขนส่งขีปนาวุธข้ามทวีปของเปียงยางออกจากประเทศ นอกจากนี้ มีความเป็นไปได้ที่ทั้งสองฝ่ายอาจเสร็จสิ้นการหารือเกี่ยวกับระเบียบวาระการประชุมของการพบปะสุดยอดดังกล่าวที่คาดว่า จะมีขึ้นในวันที่12มิถุนายน ณ ประเทศสิงคโปร์
ขณะนี้ ยังไม่มีใครสามารถค้ำประกันได้ว่า จะเกิดอะไรขึ้นจนกว่าจะถึงในวันที่12มิถุนายน แต่อย่างไรก็ดี จากความพยายามทางการทูตของทั้งสองฝ่าย โอกาสที่จะได้เห็นการพบปะสุดยอดระหว่างสหรัฐกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลียังมีอยู่ ซึ่งจะสร้างพื้นฐานให้แก่การปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ.
Hong Van- VOV5