อาจยืนยันได้ว่า ปัญหาที่ได้รับความสนใจจากประชาชนมากที่สุดในปี 2014 และถือเป็นนิมิตหมายที่สำคัญของหน่วยงานการทูตเวียดนามคือการแก้ไขสถานการณ์ในทะเลตะวันออก จากการเป็นฝ่ายรุกและมีนโยบายต่อสู้หลากหลายรูปแบบทำให้สามารถรักษาสันติภาพและอธิปไตยของประเทศได้อย่างมั่นคง
สามัคคี ใช้ความอดกลั้นและยืนหยัดแก้ไขสถานการณ์
ในช่วงที่จีนติดตั้งแท่นขุดเจาะไหหยาง 981 ในเขตเศรษฐกิจจำเพาะและไหล่ทวีปของเวียดนามอย่างผิดกฎหมาย ชาวเวียดนามทั่วประเทศได้แสดงให้เห็นถึงความสามัคคี ความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์ ความเป็นหนึ่งเดียวและยืนหยัดปฏิบัตินโยบายต่างประเทศที่สันติเพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน นโยบายต่างประเทศของเวียดนามได้แสดงให้เห็นถึงจิตใจแห่งการเป็นมิตรกับทุกประเทศ ใฝ่สันติภาพ แก้ไขการพิพาทผ่านกฎหมายสากล เมื่อกล่าวถึงผลงานเด่นของหน่วยงานการทูตเวียดนามปี 2014 ท่าน ฝ่ามบิ่งมิงห์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศได้ยืนยันว่า“แนวทางการต่างประเทศของเวียดนามคือพัฒนาความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆเพื่อสร้างบรรยากาศที่สันติและเสถียรภาพเพื่อสนับสนุนการพัฒนาและพิทักษ์รักษาอธิปไตยของประเทศอย่างมั่นคง นี่คือ 2 เป้าหมายที่เกื้อหมุนกัน ดังนั้น ในปี 2014 เมื่อสถานการณ์ในทะเลตะวันออกมีการผันผวนอย่างซับซ้อน พวกเราได้ปฏิบัติกิจกรรมต่างประเทศอย่างเข้มแข็งเพื่อแก้ไขปัญหาผ่านมาตรการที่สันติ พวกเราได้หารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นโดยตรง ทำการต่อสู้ผ่านการพบปะโดยตรงกับจีนและได้จัดการพบปะเกี่ยวกับปัญหาในทะเลตะวันออก 40 ครั้งกับจีน”
ระดมพลังที่เข้มแข็งในแนวร่วมการทูต
เพื่อยืนยันถึงจุดยืนที่เสมอต้นเสมอปลายของเวียดนามและเรียกร้องให้แก้ไขการพิพาทอย่างสันติ เวียดนามได้ชี้แจงข้อเท็จจริงกับประชาคมโลกโดยผู้นำพรรคและรัฐได้ใช้ทุกเวทีทั้งภายในและต่างประเทศเพื่อให้เพื่อนมิตรชาวต่างชาติสนับสนุนจุดยืนที่ชอบธรรมของเวียดนาม ส่วนชมรมชาวเวียดนามในต่างประเทศกว่า 4 ล้านคนก็มุ่งใจสู่ปิตุภูมิและเดินขบวนประท้วงจีนที่ติดตั้งแท่นขุดเจาะอย่างผิดกฎหมายในดินแดนของเวียดนาม
ดังนั้น จุดยืนที่ชอบธรรมของเวียดนามในการแก้ไขการพิพาทผ่านมาตรการที่สันติและการให้ความเคารพกฎหมายสากลจึงได้รับการยอมรับและสนับสนุนจากประชาคมโลก เสียงพูดคัดค้านปฏิบัติการของจีนที่เข้มแข็งและสามัคคีที่สุดมาจากวอร์ชิงตัน สหภาพยุโรป เอเชียตะวันออกเฉียงเหนือและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอาเซียนก็ได้สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นเอกภาพต่อแรงกดดันจากจีน ถือทะเลตะวันออกคือหัวข้อที่ต้องนำมาหารือในระเบียบวาระการประชุมของอาเซียนและนับเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 20 ที่บรรดารัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนได้ออกแถลงการณ์ร่วมเกี่ยวกับปัญหาทะเลตะวันออก

พยายามธำรงความสัมพันธ์เวียดนาม-จีนให้พัฒนา
หลังจากจีนถอนแท่นขุดเจาะไหหยาง 981 ออกจากเขตทะเลเวียดนาม เวียดนามได้ดำเนินนโยบายในเชิงรุกโดยส่งทูตพิเศษของเลขาธิการใหญ่พรรคไปยังจีนซึ่งผลงานที่โดดเด่นของการเยือนดังกล่าวคือการที่ผู้นำทั้งสองประเทศได้ยืนยันว่า จะควบคุมความขัดแย้งทางทะเลเป็นอย่างดี ไม่มีปฏิบัติการที่ทำให้สถานการณ์ทวีความซับซ้อนและขยายการพิพาทซึ่งสอดคล้องกับข้อที่ 5 ของแถลงการณ์เกี่ยวกับปฏิบัติการของทุกฝ่ายในทะเลตะวันออกหรือดีโอซีที่จีนได้ลงนามกับอาเซียนเมื่อปี 2002 การเยือนนี้ยังได้เปิดทางให้แก่การเดินทางมาเยือนเวียดนามของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนในอีกไม่กี่เดือนให้หลัง คือนาย หยางเจี๋ยฉือ สมาชิกรัฐบาลจีนและนาย หยูเชิ่งหยิง สมาชิกกรมการเมืองพรรคคอมมิวนิสต์จีนโดยในการพบปะต่างๆดังกล่าว ฝ่ายจีนได้กล่าวถึงจุดยืนที่ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาความสัมพันธ์กับเวียดนาม ร่วมกันพยายามธำรงความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้พัฒนาอย่างโปร่งใสและยั่งยืน ท่าน ฝ่ามบิ่งมิงห์ที่เข้าร่วมการพบปะโดยตรงดังกล่าวแสดงความเห็นว่า“ในกระบวนการแก้ไขปัญหาทางทะเล เวียดนามได้เป็นฝ่ายรุกธำรงความสัมพันธ์กับจีนอย่างเข้มแข็งผ่านการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนของกระทรวง หน่วยงานและท้องถิ่น ธำรงความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจและการค้ากับจีน ดังนั้นพวกเราทั้งธำรงรักษาการพัฒนาความสัมพันธ์กับจีนต่อไปและค้ำประกันอธิปไตยและสิทธิเหนืออธิปไตยในทะเลตะวันออก”
รายงานสถิติในปี 2014 ปรากฎว่า ความสัมพันธ์ด้านการค้าระหว่างเวียดนามกับจีนได้ทำสถิติใหม่โดยบรรลุ 5 หมื่น 8 พันล้านเหรียญสหรัฐซึ่งการพึ่งพากันด้านเศรษฐกิจเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันคือสิ่งที่ช่วยให้ทั้งสองฝ่ายแก้ไขการพิพาทในทะเล สำหรับเวียดนาม มรสุมในทะเลตะวันออกในปี 2014 ได้นำบทเรียนมาให้แก่งานด้านการต่างประเทศเวียดนามอีกครั้ง นั่นคือการผสานพลังที่เข้มแข็งของประชาชาติกับพลังแห่งยุคสมัยเพื่อรักษาเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน สันติภาพและเสถียรภาพเพื่อการพัฒนา./.