ประเทศรัสเซียหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดี

(VOVWORLD) -การเลือกตั้งประธานาธิบดีรัสเซียที่มีขึ้นในระหว่างวันที่ 15-17 มีนาคมได้เสร็จสิ้นลงโดยชัยชนะเป็นของประธานาธิบดี วลาดีเมียร์ ปูติน และนี่ถือเป็นการเลือกตั้งที่มีอัตราผู้ออกไปใช้สิทธิ์มากที่สุด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามัคคีของประชาชนชาวรัสเซียท่ามกลางความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ในปัจจุบัน
ประเทศรัสเซียหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดี - ảnh 1ประธานาธิบดี วลาดีเมียร์ ปูติน (Reuters)

ผลการเลือกตั้งเบื้องต้นที่คณะกรรมการเลือกตั้งส่วนกลางรัสเซียได้ประกาศเมื่อคืนวันที่ 17 มีนาคมหลังการนับคะแนนเกือบร้อยละ 84 ปรากฏว่านาย วลาดีเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีคนปัจจุบันได้รับเสียงสนับสนุนร้อยละ 87.97 ส่วนผู้ลงสมัครที่เหลืออีก 3 คนได้รับเสียงสนับสนุนแค่ร้อยละ 3-5 เท่านั้น

เสริมสร้างความสามัคคีในสังคมรัสเซีย

ด้วยเสียงสนับสนุนเกือบร้อยละ 88 ประธานาธิบดี วลาดีเมียร์ ปูติน ได้รับชัยชนะอย่างท้วมท้นที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองของรัสเซียและจะดำรงตำแหน่งนี้ต่อไปอีก 6 ปีจนถึงปี2030 ซึ่งเป็นการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของนายปูตินเป็นสมัยที่ 5

นอกจากได้รับเสียงสนับสนุนสูงที่สุด อัตราผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่ออกไปใช้สิทธิ์ในครั้งนี้ก็ถือว่าสูงที่สุดเช่นกัน คือร้อยละ 74.22 มากกว่าตัวเลขร้อยละ 67.54 เมื่อปี 2018  ทั้งนี้ได้แสดงให้เห็นว่า ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งรัสเซียส่วนใหญ่ไม่เพียงแต่เชื่อมั่นต่อประธานาธิบดี ปูติน เท่านั้น หากยังเป็นการยืนยันเกี่ยวกับความสามัคคีในสังคมรัสเซียในสภาวการณ์ปัจจุบันเพื่อรับมือแรงกดดันจากภายนอกอีกด้วย สำหรับเรื่องนี้ นาย วลาดีเมียร์ ปูติน ได้เผยว่า ผลการเลือกตั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนรัสเซียตระหนักได้ดีเกี่ยวกับสภาวการณ์และความท้าทายต่อประเทศในปัจจุบัน

“นี่คือเหตุผลที่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งจำนวนมาก เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่การปรับปรุงการเมืองภายในประเทศเพื่อมุ่งสู่อนาคต ความสามัคคีนี้จะช่วยให้เราปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในการพัฒนาเศรษฐกิจและมนุษย์และเสร็จสิ้นเป้าหมายที่วางไว้ในแผนการพัฒนาสังคม เรากำลังมีโครงการพัฒนาใหญ่ๆ ซึ่งประชาชนรับทราบจึงได้ออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งเพื่อนำประเทศพัฒนามากขึ้น” 

ส่วนผู้สังเกตการณ์รายงานว่า ชัยชนะของนาย วลาดีเมียร์ ปูติน ถึงแม้เป็นสิ่งที่ดาดเดาได้เพราะได้รับเสียงสนับสนุนจำนวนมากในตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่เรื่องที่ต้องรอดูคือ สภาพสังคมรัสเซียในปัจจุบันหลังเหตุการปะทะรัสเซีย ยูเครนเป็นเวลากว่า 2 ปีและการเผชิญหน้าทางการเมืองในทุกด้านระหว่างรัสเซียกับฝ่ายตะวันตก นาง  Angela Stent ผู้เชี่ยวชาญของศูนย์วิจัยเอเชีย ยุโรป รัสเซียและยุโรปตะวันออกของมหาวิทยาลัย Georgetown ประเทศสหรัฐให้ข้อสังเกตว่า มี 2 เรื่องที่ฝ่ายตะวันตกให้ความสนใจเป็นพิเศษต่อการเลือกตั้งในรัสเซียคือ ปฏิกิริยาของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งรัสเซียต่อสภาวการณ์ในปัจจุบันผ่านการไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งและการเปลี่ยนแปลงนโยบายของรัสเซียหลังการเลือกตั้ง โดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการปะทะรัสเซีย ยูเครน

นาย  Thomas Graham ผู้เชี่ยวชาญของสภานโยบายการต่างประเทศของสหรัฐและนาง Sabine Fischer ผู้เชี่ยวชาญแผนกวิจัยเอเชีย ยุโรปและยุโรปตะวันออกสังกัดสถาบันปัญหาระหว่างประเทศและความมั่นคงหรือ SWP ของเยอรมนีก็แสดงความคิดเห็นไปในทางเดียวกันโดยย้ำถึงจำนวนของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งรัสเซียที่ออกไปใช้สิทธิ์และโหวตเลือกนาย Vladislav Davankov ผู้ลงสมัครของพรรค  New Peopleซึ่งถือว่า เป็นผู้ที่มีจุดยืนที่เป็นมิตรกับฝ่ายตะวันตกมากที่สุดในจำนวนผู้ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีรัสเซียทั้ง 4 คน ถ้าหากมองในแง่นี้ ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีรัสเซียครั้งนี้ไม่ใช่ข่าวดีต่อฝ่ายตะวันตกเพราะนาย Vladislav Davankov ได้รับเสียงสนับสนุนแค่ร้อยละ 4.02 เท่านั้น อยู่อันดับที่ 3 ในจำนวนผู้ลงสมัคร 4 คน

ประเทศรัสเซียหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดี - ảnh 2ผลการเลือกตั้งเบื้องต้น (Reuters)

ความท้าทายที่ยืดเยื้อมานาน

ชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ได้สร้างพลังทางการเมืองที่ยิ่งใหญ่ให้แก่ประธานาธิบดีปูติน  แต่อย่างไรก็ตาม ในสภาวการณ์ที่การปะทะระหว่างรัสเซียกับยูเครนยังมองไม่เห็นทางออก เรื่องที่ได้รับความสนใจมากกว่าจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งรัสเซียคือ การพัฒนาเศรษฐกิจและการธำรงความมีเสถียรภาพภายในประเทศของรัสเซียในขณะที่ความท้าทายต่างๆ ยังคงยืดเยือต่อไปเนื่องจากคำสั่งคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจของฝ่ายตะวันตก นี่ก็เป็นเรื่องที่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งรุ่นใหม่รัสเซียให้ความสนใจมากที่สุด นาย Zaurbek Burnatsev ชาวเมือง Vladikavkaz กล่าวว่า

“ผมอยากเห็นความมั่นคงและโอกาสสำหรับอนาคตและอยากมีโอกาสพัฒนา ปัจจุบันนี้ ทุกสิ่งได้ดีขึ้นและหวังว่า อนาคตจะดีขึ้นอีก”

ในสารที่ส่งถึงผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งก่อนการเลือกตั้ง ประธานาธิบดี วลาดีเมียร์ ปูติน ยังย้ำถึงแผนการพัฒนาเศรษฐกิจ โดยในการแถลงนโยบายประจำปีเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ เขาได้ชื่นชมความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจรัสเซียในตลอดกว่า 2 ปีที่ผ่านมา โดยเผยว่า ในปี 2023 รัสเซียมีอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจอยู่ในระดับร้อยละ 3.6 ซึ่งสูงกว่าทุกประเทศในกลุ่มจี 7 และแสดงความเชื่อมั่นว่า รัสเซียจะพัฒนาเป็น 1 ใน 4 เศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกถ้าหากนับจีดีพีตามความเสมอภาคของอํานาจซื้อหรือ PPP แต่อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้เชี่ยวชาญยังแสดงความคิดเห็นว่า ถึงแม้เศรษฐกิจรัสเซียกำลังมีการขยายตัวดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แต่รัสเซียก็ยังคงต้องรับมือความท้าทายใหญ่ๆ เช่น อัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงคือร้อยละ 7.7 เศรษฐกิจของประเทศที่ยังคงต้องพึ่งพารายได้จากการส่งออกพลังงาน การผลักดันการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจเพื่อปรับตัวให้สอดคล้องกับมาตรการคว่ำบาตรต่างๆ โดยเฉพาะความเสี่ยงด้านความมั่นคงถ้าหาการปะทะในยูเครนอยู่นอกเหนือการควบคุม.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด