สร้างก้าวกระโดดด้านกลไกนโยบายเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจภาคเอกชน

(VOVWORLD) -รายงานเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลการปฏิบัติแผนพัฒนาเศรษฐกิจ – สังคมและงบประมาณแผ่นดินปี 2017 สถานการณ์ปฏิบัติแผนพัฒนาเศรษฐกิจ – สังคมและงบประมาณแผ่นดินในต้นปี 2018 ของการประชุมสภาแห่งชาติครั้งที่ 5 สมัยที่ 14 ได้ระบุว่า เศรษฐกิจเวียดนามได้บรรลุผลงานที่น่ายินดีแต่เพื่อให้เศรษฐกิจประเทศพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป ผู้แทนสภาแห่งชาติหลายคนได้แสดงความคิดเห็นว่า รัฐบาลต้องมีกลไกนโยบายที่ก้าวกระโดดเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่การพัฒนาเศรษฐกิจภาคเอกชนและสนับสนุนให้สถานประกอบการภายในประเทศพัฒนา
สร้างก้าวกระโดดด้านกลไกนโยบายเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจภาคเอกชน - ảnh 1สร้างก้าวกระโดดด้านกลไกนโยบายเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจภาคเอกชน 

บทบาทและสถานะของเศรษฐกิจภาคเอกชนนับวันยิ่งได้รับการประเมินอย่างถูกต้องมากขึ้น ซึ่งถูกระบุอย่างชัดเจนในมติของการประชุมคณะกรรมการกลางพรรคครั้งที่ 5 สมัยที่ 12 โดยย้ำว่า “เศรษฐกิจภาคเอกชนคือพลังขับเคลื่อนที่สำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจ” มีส่วนร่วมสำคัญในการพัฒนาประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเงินเข้างบประมาณแผ่นดินหรือการสร้างงานทำ โดยเฉพาะมีส่วนร่วมต่อจีดีพีในระดับสูงที่สุดในตลอดเวลาที่ผ่านมา

ยกเลิกกำแพงกีดกันต่างๆเพื่ออำนวยความสะดวกให้สถานประกอบการพัฒนา

รายงานการตรวจสอบดัชนีความไว้วางใจของสถานประกอบการปี 2017 ที่จัดโดยฟอรั่มเศรษฐกิจภาคเอกชนระบุว่า สถานประกอบการยังคงประสบอุปสรรคในการขอใบอนุญาตและการทำธุรกิจ start – up ในการประชุมสภาแห่งชาติครั้งนี้ ผู้แทนบางท่านได้ให้ข้อสังเกตว่า รัฐบาลได้ย้ำอย่างตรงไปตรงมาถึงข้อจำกัดที่ต้องแก้ไขในเวลาข้างหน้าแต่เพื่อแก้ไขอุปสรรคเหล่านี้ จำเป็นต้องมีกลไกตรวจสอบและเฝ้าติดตามบทบาทของผู้บริหารกระทรวง หน่วยงานและท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด นายลิวบิ่งห์เหยือง สมาชิกคณะผู้แทนสภาแห่งชาติจังหวัดเบ๊นแจเผยว่า            “ข้อจำกัดบางข้อสามารถแก้ไขได้แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ รัฐบาลต้องให้กำลังใจประชาชนและประสานงานกับสำนักงานภาครัฐเพื่อเพิ่มความสามารถในการควบคุมอำนาจ ส่วนสภาแห่งชาติก็ต้องเพิ่มความสามารถในการตรวจสอบรัฐบาลและสำนักงานภาครัฐเพื่อลดข้อจำกัดและอุปสรรคต่างๆ”

สร้างก้าวกระโดดด้านกลไกและนโยบาย

เศรษฐกิจภาคเอกชนมีส่วนร่วมสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการเสียภาษีเข้างบประมาณแผ่นดินและการสร้างงานทำ นับตั้งแต่ปี 2010 มาจนถึงปัจจุบับ เศรษฐกิจภาคเอกชนได้มีส่วนร่วมต่อจีดีพีกว่าร้อยละ 43 หากเงื่อนไขการประกอบธุรกิจมีความสะดวกขึ้น เศรษฐกิจภาคเอกชนจะขยายตัวอีกร้อยละ 15-50 ต่อปี ซึ่งเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ สถานประกอบการภาคเอกชนมีความปรารถนาที่จะได้รับความเสมอภาคในการเข้าถึงแหล่งพลังต่างๆ ส่วนรัฐบาลเวียดนามยืนยันว่า จะพยายามยกเลิกกำแพงกีดกันและอคติเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่การพัฒนาเศรษฐกิจภาคเอกชนอย่างโปร่งใสและถูกทิศทาง นายเลกงเหยื่อง ผู้แทนสภาแห่งชาติจังหวัดบิ่งดิ่งห์เผยว่า ควรเน้นลงทุนในด้านที่เป็น “คอขวด” ของเศรษฐกิจ อย่างเช่น โลจิสติก การฝึกอบรมแหล่งบุคลากรที่มีคุณภาพสูง การใช้เงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เพิมผลผลิตของแรงงานและดึงดูดชาวเวียดนามที่อาศัยในต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ            “ในเวลาข้างหน้า ควรเน้นสร้างก้าวกระโดดให้แก่กลไกนโยบาย ในมติของการประชุมคณะกรรมการกลางพรรคครั้งที่ 6 มีนโยบายเกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจภาคเอกชน ดังนั้นเราควรเปิดทางให้สถานประกอบการภาคเอกชนพัฒนาเพื่อมีส่วนร่วมเข้าจีดีพีให้แก่สังคมและสร้างงานทำให้แก่แรงงาน เพิ่มการลงทุนในด้านที่ถือว่า เป็น “คอขวด” ของเศรษฐกิจ”

นายเจิ่นหว่างเงิน ผู้แทนสภาแห่งชาตินครโฮจิมินห์แสดงความคิดเห็นว่า ต้องมีนโยบายที่เหมาะสมเพื่อพัฒนาสถานประกอบการ โดยเฉพาะสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม ในเวลาที่ผ่านมา รัฐบาลได้ประกาศนโยบายต่างๆ เช่น กฎหมายสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม มติ โครงการ นโยบาย ตลอดจนกองทุนพัฒนาสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม กองทุนทำธุรกิจ start – up และกองทุนพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูง เป็นต้น แต่สถานประกอบการหลายแห่งยังไม่สามารถเข้าถึงได้ จึงต้องตรวจสอบนโยบายเหล่านี้ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เป็นจริง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ต้องมีการลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ให้แก่เศรษฐกิจภาคเอกชน            “หวังว่า จะมีการกำหนดแนวทางและรับการสนับสนุนจากรัฐบาลเพื่อช่วยให้สถานประกอบการและเครื่องหมายการค้าเวียดนามอยู่ในรายชื่อสินค้าที่จะทำการผลิตและประกอบธุรกิจ ซึ่งแสดงถึงความยั่งยืนของเศรษฐกิจประเทศ ขอให้สภาแห่งชาติออกมติและรัฐบาลประกาศแผนปฏิบัติการเพื่อตรวจสอบการปฏิบัติในช่วงหลังหลังการประกาศนโยบาย”

เป้าหมายของรัฐบาลเวียดนามในปัจจุบันคือ พัฒนาเศรษฐกิจภาคเอกชนให้เป็นพลังขับเคลื่อนและกุญแจให้แก่การขยายตัวของระบบเศรษฐกิจ ในเวลาที่ผ่านมา รัฐบาลได้ส่งเสริมการลงทุนและจัดการสนทนากับสถานประกอบการหลายครั้งเพื่อรวบรวมข้อมูลจัดทำประกาศการปฏิรูปนโยบายและกำหนดข้อจำกัดต่างๆเพื่อปรับปรุงบรรยากาศการลงทุนประกอบธุรกิจให้สะดวกมากขึ้น.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด