สหรัฐและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีก่อนการพบปะสุดยอดครั้งที่ 2

(VOVWORLD) - อีก 3 สัปดาห์ก็จะถึงการพบปะสุดยอดครั้งที่ 2 ระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ กับผู้นำสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี คิมจองอึน ที่เวียดนาม ซึ่งขณะนี้ ทั้งสองฝ่ายกำลังเร่งสรุปเนื้อหาที่จะหารือกันในการพบปะสุดยอดครั้งนี้ โดยความพยายามของทั้งสหรัฐและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีถือเป็นพื้นฐานให้ประชามติโลกตั้งความหวังในการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่แห่งสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลี
สหรัฐและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีก่อนการพบปะสุดยอดครั้งที่ 2 - ảnh 1 (Photo vtv)

 

ประชามติโลกได้ทราบข้อมูลคร่าวๆเกี่ยวกับการพบปะสุดยอดครั้งที่ 2 มานานแล้วแต่เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ถึงได้ระบุช่วงเวลาและสถานที่จัดการพบปะในการแถลงนโยบายประจำปี 2019 คือในระหว่างวันที่ 27-28 กุมภาพันธ์ ณ ประเทศเวียดนามหลังการพบปะสุดยอดครั้งแรก ณ ประเทศสิงคโปร์เมื่อวันที่ 12 มิถุนายนปี 2018

ความหมายของการพบปะสุดยอดครั้งที่ 2 ระหว่างสหรัฐกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี

การพบปะครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างสหรัฐกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี ณ ประเทศสิงคโปร์เมื่อปีที่แล้วได้ประสบผลที่น่ายินดี โดยแถลงการณ์ได้รับการลงนามพร้อมคำมั่นของสหรัฐว่า จะค้ำประกันความมั่นคงให้แก่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี ส่วนเปียงยางก็ให้คำมั่นว่า จะปฏิบัติกระบวนการปลอดนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลีอย่างสมบูรณ์ แต่อย่างไรก็ตาม หลังการพบปะดังกล่าว กระบวนการเจรจากลับไม่ประสบความคืบหน้าเนื่องจากความขัดแย้งของทั้งสองฝ่ายเกี่ยวกับความหมายของคำนิยามที่ว่า “การปลอดนิวเคลียร์”

หลังการพบปะสุดยอดครั้งแรกเป็นเวลา 8 เดือน การพบปะสุดยอดครั้งที่สองนี้จะกำหนดขั้นตอนที่ชัดเจนและสามารถตรวจสอบได้ของกระบวนการปลดอาวุธนิวเคลียร์โดยเมื่อวันที่ 31 มกราคม รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศรายละเอียดเกี่ยวกับความคาดหวังของตนโดยเฉพาะการเรียกร้องให้เปียงยางเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับคลังอาวุธและกระบวนการปลดอาวุธนิวเคลียร์ ส่วนสหรัฐพร้อมที่จะลงนามแถลงการณ์ยุติสงครามกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี ฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตและผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี

ในขณะเดียวกัน นักการเมืองของประเทศต่างๆก็ย้ำถึงความสำคัญของการพบปะสุดยอดทวิภาคีระหว่างสหรัฐกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี โดยประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี มุนแจอินให้ข้อสังเกตว่า การพบปะครั้งนี้จะเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อในกระบวนการสันติภาพและการปลอดนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี มีส่วนร่วมผลักดันหลักการที่ได้บรรลุให้มีความชัดเจ็นและจริงจัง รวมทั้งความสัมพันธ์ใหม่ระหว่างสหรัฐกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีและกลไกสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลี ส่วนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของญี่ปุ่น Takeshi Iwaya เผยว่า ญี่ปุ่นหวังว่า การพบปะสุดยอดครั้งนี้จะมีผลที่เป็นรูปธรรมมากกว่าการพบปะครั้งก่อนเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายปลอดนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี ส่วนประเทศจีนก็สนับสนุนการพบปะสุดยอดครั้งที่ 2 มีขึ้นอย่างสะดวกและประสบความสำเร็จ

สำหรับบรรดาผู้สังเกตการณ์ การพบปะมีขึ้นเป็นเวลา 2 วัน ซึ่งมากกว่าการพบปะครั้งแรก 1 วันทำให้เกิดความคาดหวังว่า อาจจะมีการออกแถลงการณ์ยุติสงครามอย่างเป็นทางการ

การเตรียมอย่างเคร่งครัด

จากบทบาทสำคัญของการพบปะสุดยอดครั้งที่ 2 นี้ ในหลายวันที่ผ่านมา ทั้งสหรัฐและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีต่างเร่งพยายามทางการทูตเพื่อเห็นพ้องเนื้อหาในการพบปะ โดยได้มีการจัดตั้งกลุ่มปฏิบัติงานพิเศษเกี่ยวกับการพบปะสุดยอดระหว่างสหรัฐกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี โดยการประชุมระดับผู้เชี่ยวชาญมีขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งที่กรุงเปียงยางและสถานที่ต่างๆเพื่อแก้ไขความขัดแย้งในปัญหาต่างๆ และในสัปดาห์นี้ การเจรจาก็ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องเพื่อพยายามบรรลุ “ข้อตกลงที่ยิ่งใหญ่” ในการพบปะสุดยอดครั้งที่ 2 นี้ แต่อย่างไรก็ตาม อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดในการเจรจาครั้งนี้คือการระบุขั้นตอนการปลอดนิวเคลียร์ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีให้มีความชัดเจนgและท่าทีการตอบรับที่เป็นรูปธรรมของสหรัฐ โดยเฉพาะการลดมาตรการคว่ำบาตรต่างๆ ตามคำเรียกร้องของเปียงยาง ในหลายวันมานี้ สื่อของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีก็ได้ออกข่าวเรียกร้องให้สหรัฐมี “ปฏิบัติการที่สอดคล้อง”กับการปลอดนิวเคลียร์ของเปียงยาง

ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีได้มีการเปลี่ยนแปลงที่น่ายินดีตั้งแต่การเตรียมพร้อมให้แก่การพบปะสุดยอดครั้งแรกจนถึงปัจจุบัน แม้ยังมีช่วงเวลาที่ตึงเครียดต่างๆ แต่ปัจจุบันนี้ ประชามติโลกได้ตั้งความหวังว่า ในการพบปะครั้งที่ 2 ณ ประเทศเวียดนาม ทั้งสองฝ่ายจะบรรลุข้อตกลงที่สำคัญเพื่อเป็นพื้นฐานส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้พัฒนาต่อไปเพื่อเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อในการสร้างกลไกสันติภาพที่มั่นคงถาวรบนคาบสมุทรเกาหลี.

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด