องค์การ ซีพีเจ บิดเบือนสถานการณ์เสรีภาพสื่อในเวียดนามอย่างอุกอาจ

(VOVworld)- วันที่14กุมภาพันธ์2013 คณะกรรมการปกป้องผู้สื่อข่าวระหว่างประเทศหรือซีพีเจได้ประกาศรายงานประจำปีเกี่ยวกับสถานการณ์เสรีภาพสื่อมวลชนโลกซึ่งได้มีการระบุเวียดนามเข้าในกลุ่ม5ประเทศที่มีการคุมขังสื่อมวลชนมากที่สุด ซึ่งนับเป็นการประเมินที่ขาดภาววิสัยและไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เป็นจริงในเวียดนามหรือพูดอีกนัยหนึ่งก็คือเป็นการปั้นแต่งและบิดเบือนเสรีภาพสื่อมวลชนในเวียดนามอย่างอุกอาจ     ต่อการประเมินที่ไม่ถูกต้องนี้ผู้สื่อข่าวของสถานีวิทยุเวียดนามได้มีการวิเคราะห์เกี่ยวกับปัญหาดังกล่าวผ่านบทความที่พาดหัวว่า องค์การ   ซีพีเจ บิดเบือนสถานการเสรีภาพสื่อในเวียดนามอย่างอุกอาจ


(VOVworld)- วันที่14กุมภาพันธ์2013 คณะกรรมการปกป้องผู้สื่อข่าวระหว่างประเทศหรือซีพีเจได้ประกาศรายงานประจำปีเกี่ยวกับสถานการณ์เสรีภาพสื่อมวลชนโลกซึ่งได้มีการระบุเวียดนามเข้าในกลุ่ม5ประเทศที่มีการคุมขังสื่อมวลชนมากที่สุด ซึ่งนับเป็นการประเมินที่ขาดภาววิสัยและไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เป็นจริงในเวียดนามหรือพูดอีกนัยหนึ่งก็คือเป็นการปั้นแต่งและบิดเบือนเสรีภาพสื่อมวลชนในเวียดนามอย่างอุกอาจ     ต่อการประเมินที่ไม่ถูกต้องนี้ผู้สื่อข่าวของสถานีวิทยุเวียดนามได้มีการวิเคราะห์เกี่ยวกับปัญหาดังกล่าวผ่านบทความที่พาดหัวว่า องค์การ   ซีพีเจ บิดเบือนสถานการเสรีภาพสื่อในเวียดนามอย่างอุกอาจ

องค์การ ซีพีเจ บิดเบือนสถานการณ์เสรีภาพสื่อในเวียดนามอย่างอุกอาจ - ảnh 1
นักข่าวเหล่านี้ต่างได้รับการฝึกอบรมวิชาชีพและภาคภูมิใจในการประกอบอาชีพเพื่อการพัฒนาของสื่อเวียดนามและความเจริญรุ่งเรืองของประเทศเวียดนาม(internet)

ในรายงานประจำปีเกี่ยวกับสถานการณ์เสรีภาพสื่อมวลชนของซีพีเจได้ระบุว่า มีบล๊อคเกอร์และพลเมืองเน็ตเวียดนาำมจำนวนหนึ่งถูกจับกุมคุมขังจากการแสดงทัศนะผ่านอินเตอร์เนตและเฉพาะในการดำเนินคดีเมื่อวันที่9มกราคมปี2013ที่ผ่านมานั้นก็มีเยาวชน14คนถูกตัดสินโทษจำคุกรวม100ปีในข้อหาใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและจากข้อมูลในลักษณะนี้ ซีพีเจได้สรุปแบบไม่มีภาวะวิสัยว่า ผู้สื่อข่าวที่ถูกคุมขังในเวียดนามส่วนใหญ่ถูกกล่าวหาว่าทำการต่อต้านรัฐเวียดนาม  ซึ่งทั้งนี้ยังไม่ต้องพูดถึงหลักฐานที่พิสูจน์ให้เห็นว่าคณะกรรมการปกป้องผู้สื่อข่าวระหว่างประเทศหรือซีพีเจขาดข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับเวียดนาม หากมองเฉพาะหัวข้อที่ว่า บล๊อคเกอร์และพลเมืองเน็ตถูกคุมขังในเรือนจำ ในรายงานดังกล่าวเท่านั้นก็ยังเป็นการแสดงความเห็นแบบคลุมเครือด้วยการเหมารวมนักข่าวที่เที่ยงธรรมกับบล๊อคเกอร์ที่ใช้อินเตอร์เนตเป็นเครื่องมือเพื่อทำในสิ่งที่ละเมิดมาตราที่88ของประมวลกฎหมายอาญาเวียดนาม โดยกฎหมายของเวียดนามได้ระบุว่า บรรดาผู้สื่อข่าวอาชีพจะได้รับมอบบัตรประกอบอาชีพผู้สื่อข่าวในสำนักงานสื่อสารมวลชนต่างๆ มีผลงานที่เสนอในเครือข่ายสื่อสารมวลชนที่ชอบด้วยกฎหมายของประเทศ เป็นสมาชิกของสมาคมผู้สื่อข่าวเวียดนามและได้รับการคุ้มครองสิทธิผลประโยชน์โดยสมาคม นักข่าวเหล่านี้ต่างได้รับการฝึกอบรมวิชาชีพและภาคภูมิใจในการประกอบอาชีพเพื่อการพัฒนาของสื่อเวียดนามและความเจริญรุ่งเรืองของประเทศเวียดนาม ส่วนบล๊อคเกอร์นั้นเป็นผู้เขียนบันทึกเรื่องสังคมต่างๆและงานเขียนของพวกเขาถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์โดยไม่ต้องรับผิดชอบต่อสังคม ไม่มีความรับผิดชอบแบบพลเมืองที่แท้จริงหากเป็นเพียงพลเมืองของสังคมออนไลน์เท่านั้น ดังนั้นหัวข้อของรายงานที่ซีพีเจเสนอได้สะท้อนให้เห็นถึงการสร้างความสับสนให้แก่ประชามติเพื่อบิดเบือนความจริงด้านสื่อมวลชนในเวียดนาม

ในทางเป็นจริง เวียดนามไม่เคยคุมขังนักข่าวในข้อหาต่อต้านรัฐโดยมีเพียงบล๊อคเกอร์บางคนเท่านั้นที่ถูกลงโทษเพราะละเมิดกฎหมายของเวียดนามและบุคคลหรือเยาวชนที่รายงานได้เอ่ยถึงนั้นก็เป็นบุคคลที่ละเมิดกฎหมายและถูกดำเนินคดีตามขั้นตอนต่างๆอย่างเปิดเผยและถูกต้องตามกฎหมาย จากหลักฐานที่ชัดเจนพวกเขาเหล่านั้นได้ยอมรับผิดต่อศาลและต้องถูกลงโทษตามกฎหมายของเวียดนาม แม้แต่ทนายความฝ่ายจำเลยเองก็ต้องยอมรับว่าการดำเนินคดีครั้งนี้ถูกต้องตามทุกขั้นตอนและไม่ลงโทษผิดคน  เป็นอันว่า เวียดนามซึ่งเป็นประเทศที่มีรัฐธรรมนูญและกฎหมายไม่ลงโทษหรือจำคุกผู้ที่ไม่ทำผิดหรือผู้ที่เพียงแสดงความคิดเห็นส่วนตัวดังที่คณะกรรมการปกป้องผู้สื่อข่าวระหว่างประเทศได้อ้างในรายงานของตน หรืออาจตั้งคำถามว่านี่เป็นการกระทำโดยเจตนาเพื่อปั้นแต่งเรื่องเสรีภาพสื่อมวลชนเวียดนาม  สมาคมผู้สื่อข่าวเวียดนามซึ่งเป็นองค์การวิชาชีพที่มีสมาชิกกว่า1หมื่น9พันคนและในนั้นเป็นนักข่าวเกือบ1หมื่น7พันคนที่มีบัตรผู้สื่อข่าวกำลังทำหน้าที่ในสำนักงานสื่อสารมวลชนต่างๆตั้งแต่ส่วนกลางถึงส่วนภูมิภาคนั้นได้ส่งเสริมให้สื่อมวลชนทุกคนทำหน้าที่อย่างอิสระและสร้างสรรค์ในกรอบของกฎหมายอยู่เสมอ แต่ในขณะเดียวกันนักข่าวก็เป็นพลเมืองและต้องมีความรับผิดชอบตามกฎหมายต่อข้อมูลที่นำเสนอผ่านสื่อต่างๆ หากละเมิดกฎหมายซึ่งรวมทั้งกฎหมายหนังสือพิมพ์ต้องถูกลงโทษตามกฎหมาย สำหรับผู้ที่มิใช่นักข่าวแต่อ้างตนเป็นนักข่าวอิสระและใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและเสรีภาพสื่อมวลชนมาเป็นโล่บังหน้าเพื่อเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ ส่งผลเสียต่อผลประโยชน์ของประเทศและของประชาชนจะถูกดำเนินคดีและลงโทษตามกฎหมาย อันเป็นการแสดงให้เห็นถึงความยุติธรรมและความเข้มงวดของกฎหมายเพื่อปกป้องสิทธิเสรีภาพการแสดงความคิดเห็นและเสรีภาพสื่อมวลชนที่ชอบธรรมในเวียดนาม

เป็นที่แน่นอนว่าคณะกรรมการปกป้องผู้สื่อข่าวระหว่างประเทศรู้ดีในเรื่องนี้แต่พวกเขาได้จงใจบิดเบือนและปั้นแต่งเรื่องเสรีภาพสื่อมวลชนในเวียดนามโดยไม่สนใจความจริงที่ว่า ระบบกฎหมายของเวียดนามได้สร้างบนพื้นฐานทางการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรมและสังคมของเวียดนามที่สอดคล้องกับทำเนียมสากลปฏิบัติเพื่อปกป้องสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชนที่เที่ยงธรรมในเวียดนาม ด้วยการกระทำที่ขาดภาวะวิสัยครั้งนี้ คณะกรรมการปกป้องผู้สื่อข่าวระหว่างประเทศได้พิสูจน์ให้โลกเห็นว่าพวกเขาไม่ได้ดำเนินงานตามเป้าหมายที่วางไว้คือเพื่อนักข่าวที่เที่ยงธรรมของเวียดนามและทั่วโลกดังชื่อขององค์กรที่พวกเขาตั้งไว้./.  

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด