​อุปสรรคที่ขัดขวางความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับอียู

(VOVWORLD) - ในขณะที่ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับอียูเกี่ยวกับการที่สหรัฐถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านยังไม่ยุติลงนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างสองพันธมิตรสำคัญนี้ก็กำลังต้องเผชิญกับมรสุมใหม่ เนื่องจากการตัดสินใจของสหรัฐเกี่ยวกับการปรับขึ้นภาษีนำเข้าอลูมิเนียมและเหล็กจากสหภาพยุโรปหรืออียู ซึ่งมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนได้ส่งผลกระทบในทางลบต่อความสัมพันธ์พันธมิตรที่ได้รับการสร้างสรรค์มานาน โดยเฉพาะการตัดสินใจนี้อาจจุดชนวนสงครามการค้าระหว่างสองฝ่าย ซึ่งทำให้ช่องว่างระหว่างสหรัฐกับอียูนับวันเพิ่มมากขึ้น
​อุปสรรคที่ขัดขวางความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับอียู - ảnh 1ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปหรืออีซี ฌอง-โคลด ยุงเกอร์ (THX) 

การตัดสินใจเก็บภาษีนำเข้าร้อยละ 25 ต่อเหล็กและร้อยละ 10 ต่ออลูมิเนียมจากอียูมีผลบังคับใช้หลังจากกำหนดการยกเว้นการเก็บภาษีเป็นเวลา 2 เดือนหมดอายุเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม แม้ก่อนหน้านั้น เมื่อเดือนมีนาคมปี 2018 สหรัฐได้ตัดสินใจปรับขึ้นภาษีนำเข้าแล้วก็ตาม แต่ก็ได้เลื่อนการบังคับใช้ต่อบางหุ้นส่วน รวมทั้งอียู เพื่อให้เวลาเจรจาต่อจนถึงวันที่ 1 มิถุนายน

การเคลื่อนไหวใหม่นี้ได้ทำให้ความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐกับอียูกลายเป็นหัวข้อที่ร้อนระอุในการประชุมรัฐมนตรีการคลัง รัฐมนตรีพัฒนาและผู้ว่าการธนาคารกลางของกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ ของโลกหรือจี 7 ที่เปิดขึ้นเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม ณ เมือง Whistler ประเทศแคนาดา

อเมริกามาก่อน (America first)

ด้วยแผนการปรับขึ้นภาษีครั้งนี้ นโยบายอเมริกามาก่อนของนาย โดนันด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐได้ถูกระบุอย่างชัดเจนอีกครั้ง ผลประโยชน์ของสหรัฐคือเนื้อหาที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆ ถึงแม้จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์กับพันธมิตรที่มีมาช้านานก็ตาม โดยเฉพาะพันธมิตรที่มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดที่สุดของสหรัฐ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้อธิบายว่า การเก็บภาษีก็เพื่อปกป้องความมั่นคงของประเทศและปกป้องผู้ผลิตสหรัฐที่เสียเปรียบจ่อผู้ผลิตต่างชาติในตลาดสหรัฐเอง  สหรัฐคือประเทศนำเข้าเหล็กรายใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยปริมาณการนำเข้าสูงกว่า 4 เท่าเมื่อเทียบกับการส่งออก ในขณะที่ปริมาณนำเข้าอลูมิเนียมสูงกว่า 5 เท่าเมื่อเทียบกับปริมาณอลูมิเนียมที่ผลิตในสหรัฐเมื่อปี 2016 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ วิลเบอร์ รอสส์ ได้โยนความรับผิดชอบให้แก่อียู โดยแสดงความเห็นว่า การเจรจากับอียูไม่สามารถบรรลุข้อตกลงที่น่าพอใจ เพื่อโน้มน้าวให้วอชิงตันยกเว้นการเก็บภาษีสินค้าต่างๆที่นำเข้าจากยุโรปต่อไป สหรัฐมีความประสงค์ว่า จะเจรจากับอียูต่อไปเนื่องจากยังมีหลายปัญหาที่ต้องแก้ไข

ในทางเป็นจริง ความขัดแย้งด้านการค้าระหว่างสหรัฐกับอียูไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องถึงผลิตภัณฑ์เหล็กและอลูมิเนียมเท่านั้น หากเมื่อปีที่แล้ว อียูได้ส่งออกผลิตภัณฑ์เหล็กและอลูมิเนียมไปยังสหรัฐ รวมมูลค่า 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น ในขณะที่ยอดมูลค่าการส่งออกของอียูไปยังสหรัฐบรรลุกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งหมายความว่า อัตราดุลการค้าผลิตภัณฑ์เหล็กและอลูมิเนียมของอียูได้เปรียบสหรัฐไม่มาก ซึ่งจากนั้นก็สามารถเห็นได้ว่า การใช้มาตรการคุ้มครองการค้าของทางการประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ต่อเหล็กและอลูมิเนียมของอียูที่ส่งออกไปยังสหรัฐเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้นเพื่อแสดงดให้ชาวอเมริกันทราบว่า ตนยืนหยัดปฏิบัตินโยบาย “อเมริกามาก่อน” (America first)

ผลกระทบในทางลบต่อเสรีภาพด้านการค้า

ตามความเห็นของอียู การตัดสินใจเก็บภาษีของสหรัฐคือการหันหลังของสหรัฐต่อหุ้นส่วนที่มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด สำหรับท่าทีของสหรัฐ อียูไม่มีมาตรการใดนอกเหนือจากการปกป้องหน่วยงานอุตสาหกรรม งานทำและผลประโยชน์ของกลุ่ม ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปหรืออีซี ฌอง-โคลด ยุงเกอร์ ได้ประกาศว่า อียูจะนำเรื่องความขัดแย้งนี้ขึ้นสู่องค์การการค้าโลกหรือ WTO และมีมาตรการตอบโต้ที่เหมาะสม และสอดคล้องกับข้อกำหนดของ WTO ตามความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์ นาย โดนัลด์ ทรัมป์ อาจจะเพิกเฉยหรือถอนตัวออกจาก WTO แต่สิ่งที่น่าวิตกกังวลกว่าคือเรื่องนี้สามารถสร้างกระแส domino เมื่อประเทศต่างๆอ้างเหตุผลความมั่นคของประเทศเพื่อใช้มาตรการด้านการค้า

โดยเฉพาะความตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับยุโรปในปัจจุบันอาจกลายเป็นสงครามเศรษฐกิจในทุกด้านในอนาคตอันใกล้นี้

ที่สหรัฐ การปรับขึ้นภาษีใหม่จะไม่สามารถปกป้องผลประโยชน์และงานทำของประเทศได้ดั่งเช่นเป้าหมายของนาย โดนัลด์ ทรัมป์ เท่านั้น หากยังทำให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้น และผู้บริโภคคือผู้ที่ได้รับความเสียหาย ส่งผลกระทบในทางลบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ เศรษฐกิจอียูและเศรษฐกิจโลกด้วย ผู้บริหารของสถานประกอบการหลายแห่งในหน่วยงานพลังงานของสหรัฐได้แสดงความวิตกกังวลว่า การปรับขึ้นภาษีนี้จะส่งผลกระทบในทางลบต่อโครงการท่อส่งน้ำมันธรรมชาติ แท่นขุดเจาะน้ำมันและโรงกลั่นน้ำมันแห่งใหม่ในเวลาที่จะถึง

หลังจากสหรัฐตัดสินใจถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านเมื่อเร็วๆนี้ ซึ่งเป็นข้อตกลงที่อียูสนับสนุน การที่วอชิงตันปรับขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมจากอียูได้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างอียูกับสหรัฐห่างไกลกันมากขึ้น อาจกล่าวได้ว่า ความสัมพันธ์พันธมิตรสหรัฐ-อียูกำลังอยู่ในระยะที่เลวร้ายที่สุดในรอบหลายปีมานี้.

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด