นาย เหงวียนซวนฟุก นายกรัฐมนตรี กล่าวปราศรัยในพิธี

ในการกล่าวปราศรัยในพิธี นาย เหงวียนซวนฟุก นายกรัฐมนตรีได้ย้ำว่า การที่เวียดนามกลายเป็นสมาชิกที่ 149 ของสหประชาชาติเมื่อวันที่ 20 กันยายนปี 1977 ได้สร้างนิมิตหมายแห่งการรับรองรัฐเวียดนามที่มีเอกราช เสรีภาพ เอกภาพและก้าวรุดหน้าไปในภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่และการผสมผสานเข้ากับกระแสโลก ถึงแม้แหล่งพลังยังมีข้อจำกัด แต่เวียดนามยังคงพยายามมีส่วนร่วมอย่างเข้มแข็งทั้งใน 3 เสาหลักคือสันติภาพ-ความมั่นคง การพัฒนาและสิทธิมนุษยชน กรอบความร่วมมือพัฒนาเวียดนาม-สหประชาชาติถือเป็นรูปแบบของความสำเร็จ

ในการประเมินเกี่ยวกับบทบาทของสหประชาชาติในสถานการณ์โลกในปัจจุบัน นาย เหงวียนซวนฟุก ย้ำว่า สหประชาชาติคือ แสงหว่างแห่งความหวัง” เป็นศูนย์รวมแห่งความสามัคคี ความพยายามและความคิดสร้างสรรค์เพื่อฟันฝ่าความท้าทาย พัฒนาอย่างยั่งยืน นำความเจริญรุ่งเรืองและความสุขให้แก่ประชาชน เพื่อปฏิบัติเป้าหมายเกี่ยวกับความร่วมมือพัฒนาให้ประสบความสำเร็จ ต้องมีสันติภาพและเสถียรภาพ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีความหมายพิเศษต่อเอเชียแปซิฟิกที่กำลังมีจุดร้อนที่สร้างภัยคุกคามต่อสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคและโลก “เวียดนามสนับสนุนคำเรียกร้องของเลขาธิการใหญ่สหประชาชาติที่ถือปี 2017 คือปีสันติภาพ พวกเรามีความประสงค์ว่า สหประชาชาติจะส่งเสริมบทบาทธำรงสันติภาพ ความมั่นคงระหว่างประเทศ ยับยั้งและผลักดันการแก้ไขการปะทะและการพิพาทผ่านมาตรการที่สันติ บนพื้นฐานการให้ความเคารพกฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายสากล”

นายกรัฐมนตรี เหงวียนซวนฟุก ย้ำว่า การผลักดันความร่วมมือที่มีประสิทธิภาพกับสหประชาชาติคือเนื้อหาที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆในนโยบายด้านการต่างประเทศและการผสมผสานเข้ากับกระแสโลกของเวียดนาม เวียดนามให้คำมั่นที่จะปฏิบัติหน้าที่เป็นสมาชิกของสำนักงานต่างๆของสหประชาชาติให้ลุล่วงไปด้วยดี มีความประสงค์ที่จะได้รับการสนับสนุนจากประชาคมโลกเพื่อกลายเป็นสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติวาระปี 2020-2021

ส่วนนาย Kamal Malhotra ผู้ประสานงานของสหประชาชาติประจำเวียดนามได้ยืนยันว่า สหประชาชาติจะให้การช่วยเหลือเวียดนามในการแก้ไขความท้าทายบนเส้นทางปฏิบัติระเบียบวาระการประชุม 2030

ในโอกาสนี้ นาย เหงวียนซวนฟุกและนาย Kamal Malhotra ได้ตัดริบบินเปิดงานนิทรรศการภาพถ่ายเกี่ยวกับ 40 ปีความสัมพันธ์เวียดนาม-สหปะชาชาติ.